นักเศรษฐศาสตร์หลายรายออกโรงเตือนว่า เอเชียมีแนวโน้มได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน หากสหรัฐเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่บางประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะได้รับผลกระทบมากกว่าประทศอื่น ๆ รวมถึง สิงคโปร์ และไทย
สหรัฐยังคงเผชิญปัญหาเงินเฟ้อและความสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยึดมั่นต่อจุดยืนในการเร่งปรับขึ้นอัตราดอเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งเสี่ยงทำให้เศรษฐกิจประเทศถดถอย
ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐหดตัวลงติดต่อกัน 2 ไตรมาสแล้ว ซึ่งนักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าสหรัฐกำลังเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิค อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบชัดเจนว่า สหรัฐจะเผชิญปัญหาเศรษฐกิจถดถอยอย่างเต็มรูปแบบเมื่อใด
นักเศรษฐศาสตร์เปิดเผยกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า สิงคโปร์ และไทยมีแนวโน้มเป็น 2 ประเทศแรกที่จะได้รับผลกระทบ หากสหรัฐเผชิญภาวะเศรษฐกิจถอถอย
"สิงคโปร์มีความเปราะบางต่อปัญหาเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐมากกว่า เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค เพราะสิงคโปร์พึ่งพาเศรษฐกิจสหรัฐอย่างมาก" นายชัว ฮัก บิน นักเศรษฐศาสตร์ระดับอาวุโสของเมย์แบงก์กล่าว
"ผมคาดว่าสิงคโปร์จะได้รับผลกระทบเป็นประเทศแรก เพราะพึ่งพาการส่งออก ทั้งยังเป็นเศรษฐกิจเปิดขนาดเล็ก" นายชัวกล่าว
"ดิฉันมองว่าดินแดนที่มีการเปิดเศรษฐกิจและพึ่งพาการค้า เช่น สิงคโปร์ ไต้หวัน เกาหลีใต้ และอาจรวมถึงไทย จะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐ" นางหลิงกล่าว
เมย์แบงก์ระบุในรายงานเมื่อช่วงปลายเดือนส.ค.ว่า เมื่อพิจารณาจากข้อมูลในอดีตแล้วจะพบว่า การขยายตัวของ GDP แต่ละประเทศนั้นมีความสัมพันธ์กับวัฏจักรทางธุรกิจของสหรัฐ เพราะประเทศเหล่านี้พึ่งพาการส่งออก
ขณะเดียวกัน ไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศแรก ๆ ที่นักเศรษฐศาสตร์ประเมินว่าจะได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐ เนื่องจากไทยพึ่งพาภาคการท่องเที่ยวอย่างมาก โดยข้อมูลจากธนาคารโลกระบุว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 11% ของ GDP ในปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ซึ่งในขณะนั้นไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเกือบ 40 ล้านคน และสร้างรายได้กว่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์
แต่ในปี 2564 ไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพียง 428,000 ราย ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวเพียง 1.5% ซึ่งเป็นหนึ่งในอัตราการขยายตัวที่ช้าที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นายชัวกล่าวว่า ไทยอาจเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยต่อจากสิงคโปร์ แต่ยังต้องรอดูช่วงเวลาที่จีนจะกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง เพื่อพิจารณาว่าเศรษฐิจของไทยจะสามารถพลิกฟื้นได้อย่างเต็มที่หรือไม่
ทางด้านนายเออร์วิน ซีห์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของดีบีเอสแบงก์กล่าวว่า นักท่องเที่ยวจีนไม่ได้เดินทางเยือนไทย เพราะปิดประเทศ โดยปัจจัยดังกล่าวทำให้เศรษฐกิจไทยตกอยู่ภายใต้ภาวะล่อแหลมมากยิ่งขึ้น
"ตราบใดที่ไทยยังไร้นักท่องเที่ยวจีน เศรษฐกิจจะเผชิญความยากลำบากต่อไป โดยขณะนี้ไทยเผชิญปัญหาการเติบโตที่อ่อนแอ เงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง และค่าเงินบาทตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน" นายซีห์กล่าว