นายโกอุชิ คาตาโอกะ อดีตกรรมการบริหารของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เชื่อว่า BOJ จะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นพิเศษ(Ultra-low interest rates) ต่อไปอีกระยะหนึ่ง แม้ตัวเลขเงินเฟ้อมีแนวโน้มพุ่งแตะระดับ 3% ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เนื่องจาก BOJ ต้องการสร้างความเชื่อมั่นว่าอุปสงค์ในประเทศแข็งแกร่งพอที่จะชดเชยผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
อย่างไรก็ดี นายคาตาโอกะ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของบริษัทพีดับบลิวซี คอนซัลติ้ง (PwC Consulting) ในกรุงโตเกียว กล่าวว่า แรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่สูงขึ้น อาจทำให้โอกาสที่ BOJ จะเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น มีไม่มากนัก
"ผมไม่คิดว่า BOJ จะเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินมากไปกว่าที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน เว้นแต่ว่าเศรษฐกิจจะถดถอยอย่างรวดเร็ว" นายคาตาโอกะกล่าว และเสริมว่า นโยบายการคลังจะมีบทบาทสำคัญต่อการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งต่อไป
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นส่งผลให้แรงกดดันด้านเงินเฟ้อในญี่ปุ่นพุ่งขึ้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน อีกทั้งยังผลักดันให้ภาคเอกชนปรับขึ้นราคาสินค้า และเพิ่มโอกาสที่อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นจะพุ่งขึ้นเหนือระดับเป้าหมายของ BOJ ที่ 2%
นายคาตาโอกะยังกล่าวด้วยว่า นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการ BOJ มีแนวโน้มจะคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษตลอดช่วงเวลาการดำรงตำแหน่งซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนเม.ย. 2566 พร้อมเสริมว่า นโยบายดังกล่าวมีความเหมาะสม เมื่อพิจารณาจากการบริโภคในญี่ปุ่นที่ยังคงอ่อนแอ และความเสี่ยงที่เกิดจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
นอกจากนี้ นายคาตาโอกะแสดงความเห็นว่า "อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นอาจพุ่งแตะระดับ 3% แต่คงจะเป็นแนวคิดที่แย่มากหาก BOJ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียงเพราะเงินเฟ้อพุ่งแตะระดับ 3% ในช่วงเวลาสั้น ๆ"