นายหยาง จินหลง ผู้ว่าการธนาคารกลางไต้หวันระบุในวันนี้ (7 ก.ย.) ว่า แนวโน้มอุปสงค์ของต่างประเทศจะชะลอตัวลงในปีหน้า ดังนั้น รัฐบาลไต้หวันจึงควรออกนโยบายการคลังเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ
ทั้งนี้ นายหยางระบุว่า ธนาคารกลางไต้หวันจะช่วยพยุงเศรษฐกิจอีกทางหนึ่งด้วยการออกนโยบายการเงินที่มีความเหมาะสมอย่างทันท่วงที แต่ไต้หวันไม่ควรดำเนินรอยตามโครงสร้างนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
เศรษฐกิจที่เน้นพึ่งพาการส่งออกของไต้หวันได้รับแรงหนุนจากภาวะขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก เนื่องจากไต้หวันเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ แต่การส่งออกเริ่มสูญเสียแรงผลักดัน เพราะอุปสงค์ผู้บริโภคเริ่มชะลอตัวลงในตลาดสำคัญ ทั้งจีน สหรัฐ และยุโรป
ไต้หวันคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจะชะลอการขยายตัวในปีนี้ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์เพื่อสกัดโรคโควิด-19 ในจีนและผลกระทบจากสงครามในยูเครน หลังเศรษฐกิจขยายตัว 6.45% ในปี 2564 ซึ่งเป็นการขยายตัวเร็วที่สุดนับตั้งแต่ 10.25% ในปี 2553
สำนักงานสถิติไต้หวันได้ปรับลดคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของไต้หวันสำหรับปี 2565 ในเดือนส.ค. สู่ 3.76% จาก 3.91% ที่ประมาณการไว้ในเดือนพ.ค. พร้อมทั้งลดคาดการณ์การส่งออกสำหรับปีนี้ด้วย
อนึ่ง ธนาคารกลางไต้หวันมีกำหนดจัดประชุมนโยบายการเงินครั้งถัดไปในวันพฤหัสบดีที่ 22 ก.ย. โดยธนาคารกลางไต้หวันเพิ่งมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.125% สู่ 1.50% ในเดือนมิ.ย.