ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียทั้งในปี 2565 และ 2566 เนื่องจากมีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการที่ธนาคารกลางใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงิน, ผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากสงครามในยูเครน และการที่จีนใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ทั้งนี้ ADB เปิดเผยรายงาน "Asian Development Outlook" ในวันนี้ (21 ก.ย.) ระบุว่า เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียซึ่งรวมถึงจีนและอินเดียด้วยนั้น จะขยายตัว 4.3% ในปี 2565 ซึ่งลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ในเดือนก.ค.ที่ระดับ 4.6% และระดับ 5.2% ในเดือนเม.ย.
ส่วนในปี 2566 นั้น ADB คาดว่าเศรษฐกิจในภูมิภาคแห่งนี้จะขยายตัว 4.9% ซึ่งลดลงจากที่คาดการณ์ไว้ในเดือนก.ค.ที่ระดับ 5.2% และระดับ 5.3% ในเดือนเม.ย.
นายอัลเบิร์ต พาร์ค หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ ADB กล่าวว่า "นับตั้งแต่ที่ ADB เปิดเผยรายงาน Asian Development Outlook ในเดือนเม.ย. ปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ได้ปรากฏให้เห็นมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางทั่วโลกพากันใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินเชิงรุก ซึ่งกำลังส่งผลกระทบต่ออุปสงค์และสั่นคลอนความเชื่อมั่นในตลาดการเงิน"
ADB คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 3.3% ในปี 2565 ลดลงจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนก.ค.ที่ระดับ 4% และระดับ 5% ในเดือนเม.ย. ส่วนในปี 2566 คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 4.5% ซึ่งลดลงจากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 4.8%
สำหรับภูมิภาคย่อยในเอเชียนั้น ADB คาดว่าเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียกลางจะขยายตัว 5.1% และ 3.9% ในปี 2565 ตามลำดับ ซึ่งดีกว่าตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ แต่ได้คงคาดการณ์เศรษฐกิจในเอเชียใต้ไว้ที่ 6.5% แม้ ADB ได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจอินเดียลงสู่ระดับ 7% จากระดับ 7.2% เนื่องจากวิกฤตเงินเฟ้อและผลกระทบของการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงิน
นอกจากนี้ ADB ยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่ยังคงส่งผลให้ราคาอาหารและเชื้อเพลิงพุ่งขึ้น โดย ADB คาดว่า อัตราเงินเฟ้อโดยเฉลี่ยของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียจะอยู่ที่ 4.5% ในปี 2565 เพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนเม.ย.ที่ระดับ 3.7% และระดับ 4.2% ในเดือนก.ค.
ส่วนในปี 2566 นั้น คาดว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยในภูมิภาคแห่งนี้จะอยู่ที่ 4% เพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนเม.ย.ที่ระดับ 3.1% และระดับ 3.5% ในเดือนก.ค.