หอการค้ายุโรปออกรายงานเตือนในวันนี้ (21 ก.ย.) ว่า บริษัทต่าง ๆ ของยุโรปเริ่มขาดความเชื่อมั่นในการทำธุรกิจในประเทศจีน และปรับลดมุมมองที่เคยยกให้จีนเป็นจุดหมายปลายทางด้านการลงทุน โดยมีสาเหตุหลักมาจากการที่จีนใช้นโยบายควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ขาดความยืดหยุ่นและไม่มีความต่อเนื่อง
ทั้งนี้ หอการค้ายุโรปประกอบด้วยบริษัทที่เป็นสมาชิกจำนวน 1,800 แห่งที่เข้าไปทำธุรกิจในประเทศจีน โดยบริษัทเหล่านี้มีฐานธุรกิจอยู่ในสหภาพยุโรป (EU) และทวีปยุโรป
รายงานดังกล่าวซึ่งครอบคลุมหลากหลายประเด็นตั้งแต่ประเด็นไต้หวันไปจนถึงการค้านั้นระบุว่า จีนควรหลีกเลี่ยงการดำเนินนโยบายที่ไม่แน่นอน อีกทั้งควรเพิ่มความร่วมมือกับ EU และเพิ่มเที่ยวบินระหว่างประเทศ
"นโยบายของจีนและประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกมีความขัดแย้งกันอย่างมากในปีที่ผ่านมา โดยประเทศอื่น ๆ ยังคงยึดมั่นในระบบโลกาภิวัตน์ ในขณะที่จีนสนใจแต่กิจการภายในประเทศตนเอง"
"ขณะนี้คนทั่วโลกใช้ชีวิตด้วยการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ แต่จีนจะรอจนกว่าทั่วโลกขจัดไวรัสโอมิครอนให้หมดไป ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้" นายยอร์ก วุตต์เก ประธานหอการค้ายุโรปกล่าวกับผู้สื่อข่าว โดยเขาหมายถึงการที่จีนยึดมั่นในนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero-COVID Policy) ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้จีนต้องทำการล็อกดาวน์บ่อยครั้งและปิดพรมแดนเป็นส่วนใหญ่ไม่ให้มีการเดินทางระหว่างประเทศ
หอการค้ายุโรปยังระบุด้วยว่า นอกเหนือจากมาตรการคุมโควิด-19 แล้ว การปฏิรูปรัฐวิสาหกิจที่หยุดชะงัก, การที่ชาวยุโรปจำนวนมากเดินทางออกจากจีน รวมทั้งการที่จีนควบคุมการเดินทางเพื่อไม่ให้พนักงานชาวจีนเดินทางไปต่างประเทศ ตลอดจนการใช้ภาคธุรกิจเป็นเครื่องมือด้านการเมืองนั้น ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้ขาดความน่าดึงดูดใจในการทำธุรกิจ