ทีมนักวิเคราะห์ของบริษัทมอร์แกน สแตนลีย์ ซึ่งรวมถึงนายไมเคิล วิลสัน เตือนว่า การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์กำลังก่อให้เกิดความเสี่ยงที่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งอาจนำไปสู่วิกฤตการณ์ด้านเศรษฐกิจและการเงินอีกครั้ง
ดัชนีดอลลาร์พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 20 ปีในวันจันทร์ (26 ก.ย.) ขณะที่เงินปอนด์ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับดอลลาร์
ทั้งนี้ ความผันผวนที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้างในตลาดปริวรรตเงินตราเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กำลังสร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจโลกและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยคาดว่าผลประกอบการมีแนวโน้มอ่อนแรงลง ขณะที่การเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มส่งผลกระทบต่อการใช้จ่าย
นายวิลสันแสดงความเห็นว่า "ราคาหุ้นที่ต่ำลงอย่างมาก และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้นนั้น อาจจะถูกกำหนดโดยแนวโน้มการเติบโตของผลประกอบการและเศรษฐกิจ มากกว่าที่จะถูกกำหนดโดยเงินเฟ้อหรือการดำเนินนโยบายของเฟด"
นายวิลสันคาดการณ์ว่า แรงกดดันที่เกิดจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีแนวโน้มที่จะฉุดดัชนี S&P500 ร่วงลงสู่กรอบ 3000 - 3400 จุดภายในต้นปี 2566