มอร์แกน สแตนลีย์คาดการณ์ว่า จีนน่าจะผ่อนคลายมาตรการสกัดโควิด-19 และเปิดประเทศอีกครั้งภายในฤดูใบไม้ผลิปีหน้า ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ โดยความเห็นดังกล่าวเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับวาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่รายอื่น ๆ
ทั้งนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างอิงการคาดการณ์ของมอร์แกน สแตนลีย์ว่า จีนจะเผชิญแรงกดดันให้เปิดประเทศ เนื่องจากกลยุทธ์โควิดเป็นศูนย์ (Zero Covid) ฉุดการเติบโตของรายได้ลงอย่างมีนัยสำคัญและทำให้อัตราการว่างงานในหมู่คนหนุ่มสาวพุ่งสูงขึ้น อันเป็นผลลัพธ์ที่ขัดแย้งกับเป้าหมายนโยบาย "รุ่งเรืองถ้วนหน้า" ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน
ทีมนักวิเคราะห์มอร์แกน สแตนลีย์ นำโดยนายเชตัน อาห์ยา หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคเอเชีย ระบุในบันทึกเมื่อวานนี้ (26 ก.ย.) ว่า "การเปิดประเทศดูเหมือนจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่เหลืออยู่ในการบริหารเศรษฐกิจ" โดยการผ่อนคลายมาตรการคุมโควิดจะช่วยทำให้การใช้จ่ายด้านการบริโภคและด้านบริการฟื้นตัวได้ เมื่อพิจารณาถึงผลกระทบภายนอกจากการส่งออกที่เติบโตอย่างอ่อนแอและการหดตัวต่อเนื่องในภาคอสังหาริมทรัพย์
มอร์แกน สแตนลีย์กล่าวว่าการเปิดประเทศในฤดูใบไม้ผลิจะช่วยให้เศรษฐกิจจีนขยายตัวแข็งแกร่งยิ่งขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 5.5% ในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า เทียบกับการเติบโตเพียงประมาณ 3% จากช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ถึงไตรมาสแรกของปี 2566
"จีนจะเปิดประเทศอีกครั้ง เพราะผลกระทบจากมาตรการจัดการโควิดอย่างเข้มงวดของจีนในขณะนี้มีแต่จะยิ่งขัดแย้งกับเป้าหมายเชิงนโยบายในการบรรลุความรุ่งเรืองถ้วนหน้า ไม่ใช่เพราะตอนนี้ทั่วโลกเลือกที่จะอยู่ร่วมกับโควิด" ทีมนักวิเคราะห์ระบุ