องค์การสหประชาชาติ (UN) เตือนว่า เศรษฐกิจโลกใกล้เข้าสู่ภาวะถดถอยในขณะนี้ และคาดว่าประเทศกำลังพัฒนาเช่นในเอเชียอาจจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า UN ได้เผยแพร่ "รายการการค้าและการพัฒนาประจำปี 2565 (Trade and Development Report 2022)" ในการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) ในวันอังคาร (4 ต.ค.) ระบุว่า นโยบายการเงินและการคลังในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งรวมถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น อาจจะผลักดันให้เศรษฐกิจทั่วโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยและชะงักงัน
UN ระบุเตือนในรายงานว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะสร้างความเสียหายร้ายแรงกว่าในช่วงวิกฤตการเงินเมื่อปี 2551 รวมถึงวิกฤตโควิด-19 ในปี 2563
"ทั่วทุกภูมิภาคจะได้รับผลกระทบ แต่ประเทศในกลุ่มกำลังพัฒนาจะได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด โดยหลายประเทศในกลุ่มนี้ใกล้จะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้" รายงานดังกล่าวระบุ
รายงานของ UN ยังระบุด้วยว่า เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียและทั่วโลกมีความเสี่ยงที่จะถดถอย หากธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องโดยไม่ใช้เครื่องมืออื่น ๆ และไม่ได้พิจารณาเศรษฐกิจในฝั่งอุปทาน พร้อมกับเตือนว่า ไม่มีแนวโน้มที่เศรษฐกิจจะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปหรือซอฟต์แลนดิ้ง
นางรีเบกา กรินสแปน เลขาธิการ UNCTAD กล่าวว่า "ในวันนี้ เราจำเป็นต้องออกมาเตือนว่า เราอาจจะใกล้เผชิญกับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยอันเนื่องมาจากนโยบายการเงินของหลายประเทศ อย่างไรก็ดี เรามองว่า ขณะนี้ยังพอมีเวลาที่จะสามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์ดังกล่าวได้ด้วยการผสมผสานนโยบายเชิงปฏิบัติให้มีความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งนโยบายเหล่านั้นได้แก่กลยุทธ์การควบคุมเงินเฟ้อ, ภาษีลาภลอย (windfall tax), มาตรการต่อต้านการผูกขาดตลาด และการใช้กฎระเบียบที่เข้มงวดในการควบคุมการเก็งกำไรสินค้าโภคภัณฑ์"
"ดิฉันขอย้ำอีกครั้งว่า ทุกประเทศควรผสมผสานนโยบายเชิงปฏิบัติให้มีความหลากหลายมากขึ้น และเราจำเป็นต้องพยายามมากขึ้นเพื่อยุติการคาดการณ์ราคาสินค้าโภคภัณฑ์" นางกรินสแปนกล่าว