โกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์ วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐ คาดการณ์ว่า ราคาบ้านในฮ่องกงจะปรับตัวลดลง 30% จากระดับของปีที่แล้ว โดยถือเป็นคาดการณ์เชิงลบมากยิ่งขึ้น เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วได้บั่นทอนตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้ย่ำแย่ลงไปอีก
นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน รวมถึง นายกูร์ปรีต ซิงห์ ซาฮีระบุเมื่อวันอังคารที่ 4 ต.ค.ว่า ราคาบ้านในฮ่องกงมีแนวโน้มปรับตัวลดลง 15% ในปีนี้ และลดลงอีก 15% ในปีหน้า เมื่อเทียบกับระดับของช่วงสิ้นปี 2564 ขณะที่ก่อนหน้านี้ โกลแมนด์คาดการณ์ว่า ราคาบ้านในฮ่องกงจะลดลง 20% ภายในปี 2568
การปรับลดคาดการณ์ราคาบ้านในฮ่องกงครั้งนี้เป็นผลมาจากอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารของฮ่องกง (HIBOR) ระยะ 3 เดือนปรับตัวเพิ่มขึ้นรวดเร็วกว่าที่คาด โดยพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 ในปีนี้ เนื่องจากธนาคารกลางฮ่องกงดำเนินนโยบายสอดคล้องกับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนหน้า โดยกว่า 90% ของการจำนองในฮ่องกงนั้นสัมพันธ์กับอัตราดอกเบี้ย HIBOR
ตลาดที่อยู่อาศัยที่มีราคาแพงที่สุดในโลกเช่นฮ่องกงนั้น ต้องเผชิญภาวะขาลงอย่างที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงการย้ายถิ่นฐานของผู้อยู่อาศัย และเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว โดยโกลด์แมนเปิดเผยว่า ราคาที่อยู่อาศัยในฮ่องกงปรับตัวลงไปแล้ว 8% ในปีนี้ ขณะที่บลูมเบิร์ก อินเทลลิเจนซ์ระบุว่า ต้นทุนการกู้ยืมที่พุ่งทะยานขึ้นอาจกดดันให้ความสามารถในการซื้อบ้านร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 24 ปี เว้นแต่ราคาบ้านจะปรับตัวลงอย่างมาก
"อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นจะกดดันความสามารถในการซื้อบ้าน ทำให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ เว้นแต่ว่าจะมีการออกมาตรการสนับสนุนระดับมหภาคหรือนโยบายมากขึ้น โดยประชาชนสามารถชำระค่าบ้านได้ หากราคาบ้านลดลงประมาณ 20% แต่นักลงทุนจะไม่กลับมา จนกว่าราคาบ้านจะลดลงอย่างน้อย 35%" นักวิเคราะห์ของโกลด์แมนระบุ