อีโคโนมิสต์ อินเทลลิเจนซ์ ยูนิต (Economist Intelligence Unit - EIU) ซึ่งเป็นหน่วยงานวิเคราะห์เศรษฐกิจระบุว่า สกุลเงินของเอเชียมีแนวโน้มจะอ่อนค่าลงอีกหนึ่งไตรมาส หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
EIU คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกในเดือนพ.ย.และธ.ค. และมีความเป็นไปได้มากขึ้นว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ EIU คาดการณ์ไว้"
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ความแตกต่างระหว่างนโยบายการเงินที่เข้มงวดของเฟดและนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในบางประเทศในเอเชีย เช่น ญี่ปุ่นและจีน ทำให้ดอลลาร์สหรัฐจะแข็งค่าขึ้นอีกและสร้างแรงกดดันต่อสกุลเงินของเอเชีย
"การที่เฟดส่งสัญญาณใช้นโยบายการเงินที่แข็งกร้าวขึ้นอีกเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ทำให้สกุลเงินเอเชียจะอ่อนค่าเพิ่มอีกเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในเดือนก.ย. เราคาดว่าแรงกดดันที่สกุลเงินเอเชียต้องเผชิญจะคงอยู่ต่อไปอีกหนึ่งไตรมาส หรืออาจจะนานกว่านั้น" EIU กล่าวในบทวิเคราะห์เมื่อวันพฤหัสบดี (6 ต.ค.)
ข้อมูลจากรีฟินิทิฟ ไอคอน (Refinitiv Eikon) แสดงให้เห็นว่า ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นมาตรวัดดอลลาร์สหรัฐกับตะกร้าสกุลเงินต่าง ๆ แข็งค่าขึ้น 15% นับตั้งแต่เริ่มปี 2565
อย่างไรก็ดี EIU ระบุว่า มีความเสี่ยงเพียงเล็กน้อยที่จะเกิดเหตุซ้ำรอยวิกฤตการเงินเอเชียปี 2540 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาจากทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของประเทศต่าง ๆ ในเอเชียที่อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งกว่าเมื่อปี 2540
EIU กล่าวว่า "ประเทศส่วนใหญ่ในเอเชียจะยังคงแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราเป็นระยะเพื่อชะลอการอ่อนค่าของสกุลเงินในประเทศ ความพยายามเหล่านี้จะช่วยบรรเทาความผันผวนในตลาด แต่ก็อาจจะไม่สามารถสกัดการอ่อนค่าของสกุลเงินในช่วงหลายเดือนข้างหน้านี้ได้"