นางศรี มุลยานี อินทราวาตี รัฐมนตรีคลังอินโดนีเซียเปิดเผยว่า การที่คณะทำงานของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ผลักดันให้มีการกำหนดเพดานราคาน้ำมันนำเข้าจากรัสเซียนั้น จะเป็นการสร้างแบบอย่างที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ และอาจทำให้ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกรุนแรงขึ้น
นางอินทราวาตีให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์กนิวส์เมื่อวันอังคาร (11 ต.ค.) ว่า "เมื่อสหรัฐดำเนินการคว่ำบาตรโดยใช้เครื่องมือทางเศรษฐกิจซึ่งจะสร้างแบบอย่างสำหรับทุกสิ่งนั้น จะทำให้เกิดความไม่แน่นอนตามมา ไม่เพียงแต่กับอินโดนีเซีย แต่กับทุกประเทศด้วย"
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า อินโดนีเซียซึ่งเป็นผู้ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์รายใหญ่ เป็นหนึ่งในประเทศที่ยังคงไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอในการจำกัดเพดานราคาน้ำมันนำเข้าจากรัสเซีย
นางอินทราวาตียังกล่าวด้วยว่า การจำกัดเพดานราคาน้ำมันดังกล่าวมีแนวโน้มจะช่วยสนับสนุนการตัดสินใจของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตรหรือโอเปกพลัส ที่มีมติปรับลดกำลังการผลิตครั้งใหญ่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และสร้างความผิดหวังให้กับปธน.ไบเดน รวมถึงเป็นผลเสียต่อความพยายามที่รัฐบาลสหรัฐจะปรับลดราคาพลังงานโลกลงก่อนถึงการเลือกตั้งกลางเทอมครั้งสำคัญ
นางอินทราวาตีกล่าวว่า "ซาอุดีอาระเบีย และโอเปกมีมติปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน ก็เพราะการจำกัดเพดานราคาน้ำมัน"
นางอินทราวาตีระบุเสริมว่า เธอได้มีการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ซาอุดีอาระเบียซึ่งกล่าวว่า เมื่อการจำกัดเพดานราคาน้ำมันทำให้เกิดการใช้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์เพื่อเป้าหมายทางภูมิรัฐศาสตร์ได้ ก็ไม่มีใครรู้ว่าประเทศใดจะเป็นเป้าหมายรายต่อไป
สหรัฐกำลังพยายามหาเสียงสนับสนุนการจำกัดเพดานราคาน้ำมันนำเข้าจากรัสเซียเพื่อลดรายได้ด้านพลังงานของรัสเซีย ไม่ให้รัสเซียมีเงินทุนไปใช้ในการรุกรานยูเครนซึ่งเป็นความขัดแย้งที่ทำให้ราคาพลังงานและอาหารพุ่งทะยานขึ้น และแม้กลุ่ม G7 จะสนับสนุนมาตรการดังกล่าว แต่ประเทศอื่น ๆ เช่น อินเดียและจีน ยังคงเป็นผู้ซื้อน้ำมันรายใหญ่จากรัสเซีย ขณะที่ประเทศกำลังพัฒนาจำนวนหนึ่งได้ปฏิเสธที่จะแสดงท่าทีต่อต้านรัสเซียอย่างชัดเจน