นายเดวิด มัลพาส ประธานธนาคารโลกกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (13 ต.ค.) ว่า เศรษฐกิจโลกใกล้เข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง, อัตราดอกเบี้ยปรับตัวขึ้น และภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่อประเทศกำลังพัฒนา
นายมัลพาสเปิดเผยในการแถลงข่าวระหว่างการประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลกว่า "เราได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2566 ลงจาก 3% สู่ระดับ 1.9% ซึ่งใกล้เข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างมาก"
นายมัลพาสกล่าวว่า "ปัญหาทั้งหมดที่ประชาชนเผชิญ ซึ่งได้แก่ปัญหาเงินเฟ้อ, ดอกเบี้ยสูง และการลดลงของกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าสู่ประเทศกำลังพัฒนานั้นได้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อคนยากจน" และเขายังได้บ่งชี้ถึงภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้นของประเทศกำลังพัฒนา
"ภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยนั้นอาจเกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว" นายมัลพาสระบุ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในรายงานที่เปิดเผยเมื่อกลางเดือนก.ย.ที่ผ่านมานั้น ธนาคารโลกเตือนว่า ขณะที่ธนาคารกลางทั่วโลกพร้อมใจกันปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อนั้น เศรษฐกิจโลกอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีหน้า โดยคาดว่า เศรษฐกิจจะมีการขยายตัวเพียง 0.5%
นายมัลพาสกล่าวว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบมากที่สุดต่อความพยายามในการลดความยากจนทั่วโลกนับตั้งแต่ปี 2533 โดยทำให้ประชาชนราว 70 ล้านคนเข้าสู่ภาวะยากจนที่สุดในปี 2563 และสงครามในยูเครนจะทำให้สถานการณ์ดังกล่าวรุนแรงขึ้น
ทั้งนี้ รายงานด้านความยากจนและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันนั้นได้บ่งชี้ว่า รายได้เฉลี่ยทั่วโลกลดลง 4% ในปี 2563 ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่การวัดรายได้เฉลี่ยเริ่มขึ้นในปี 2533