นางลิซ ทรัสส์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษได้กล่าวคำขอโทษสำหรับความผิดพลาดที่เธอประกาศมาตรการปรับลดภาษีวงเงิน 4.5 หมื่นล้านปอนด์ซึ่งสร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดการเงินทั่วโลก อีกทั้งยังบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนและทำให้คะแนนนิยมของเธอลดลงอย่างมาก อย่างไรก็ดี เธอยืนยันว่าจะไม่ลาออกจากตำแหน่ง
"ดิฉันขอรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และขอกล่าวคำขอโทษต่อความผิดพลาดที่ผ่านมา การที่ดิฉันประกาศแผนการปรับลดภาษีเมื่อไม่นานมานี้ มีวัตถุประสงค์เพียงเพื่อจะช่วยเหลือประชาชนในเรื่องการใช้จ่ายด้านพลังงาน แต่เราผลักดันในเรื่องนี้มากเกินไปและเร็วเกินไป" นางทรัสส์กล่าวกับสำนักข่าวบีบีซี
นายเจเรมี ฮันท์ รัฐมนตรีคลังคนใหม่ของอังกฤษซึ่งได้รับการแต่งตั้งเมื่อวันศุกร์ (14 ต.ค.) หลังจากนางทรัสส์ได้ปลดนายควาซี ควาร์เต็ง พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีคลังอังกฤษนั้น แถลงเมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลได้ตัดสินใจยกเลิกมาตรการปรับลดภาษีเกือบทั้งหมดที่นางทรัสส์ได้ประกาศก่อนหน้านี้ ซึ่งรวมถึงการยกเลิกมาตรการสนับสนุนด้านพลังงานครั้งใหญ่
เมื่อผู้สื่อข่าวบีบีซีถามนางทรัสส์ว่า ขณะนี้เธอเป็นนายกรัฐมนตรีเพียงแค่ในนามหรือไม่ โดยนางทรัสส์ตอบว่า การที่เธอแต่งตั้งนายฮันท์ก็เพราะเธอจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงแนวทาง
"สำหรับดิฉันแล้ว การไม่ดำเนินการใด ๆ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติถือเป็นการกระทำที่ขาดความรับผิดชอบอย่างสิ้นเชิง และเป็นเรื่องถูกต้องที่เราจะต้องเปลี่ยนนโยบาย"
เมื่อวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา นายควาซี ควาร์เต็ง อดีตคลังอังกฤษประกาศมาตรการปรับลดภาษีราว 4.5 หมื่นล้านปอนด์ (5.0 หมื่นล้านดอลลาร์) รวมถึงมาตรการให้เงินช่วยเหลือด้านค่าพลังงานชั่วคราวต่อภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ ซึ่งการประกาศมาตรการดังกล่าวได้สร้างความปั่นป่วนต่อตลาดการเงินทั่วโลก และส่งผลให้ฟิทช์ เรทติ้งส์ ปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของอังกฤษลงสู่ระดับ "เชิงลบ" จาก "มีเสถียรภาพ" โดยระบุว่า แผนกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ของรัฐบาลมีความเสี่ยงที่จะทำให้ตัวเลขขาดดุลงบประมาณของอังกฤษปรับตัวสูงขึ้น
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นางทรัสส์ซึ่งเข้ารับตำแหน่งผู้นำอังกฤษได้ไม่ถึง 6 สัปดาห์ อาจจะเผชิญกับการต่อต้านจากสมาชิกฝ่ายนิติบัญญัติในรัฐบาลของเธอในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ดี เธอยืนยันจะยังคงทำหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมไปจนถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า
"ดิฉันจำเป็นต้องทำหน้าที่ต่อไปเพราะดิฉันได้รับเลือกให้เข้ามารับใช้ประเทศนี้ และนี่เป็นเหตุผลที่ดิฉันมุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่นี้" นางทรัสส์กล่าว