นายหยาง จินหลง ผู้ว่าการธนาคารกลางไต้หวันเปิดเผยว่า ไต้หวันจะเผชิญความท้าทายทางเศรษฐกิจที่รุนแรงในปี 2566 ซึ่งทำให้เป็นเรื่องยากกว่าเดิมที่จะคาดการณ์แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ และภาวะเงินทุนไหลออก
ทั้งนี้ นายหยางกล่าวว่า นโยบายการเงินเผชิญความท้าทายหลายประการท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ไม่แน่นอนอย่างมาก อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจแบบเปิดขนาดเล็กอย่างไต้หวัน ทำให้มีความเป็นอิสระในการตัดสินใจเรื่องนโยบายด้วยตนเองน้อยลง
"ไต้หวันปรับตัวรับอุปสรรคทั่วโลกได้อย่างดี และแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจมีความยืดหยุ่นในปีที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ แต่ไต้หวันจะเผชิญความท้าทายทางเศรษฐกิจที่รุนแรงยิ่งกว่าเดิมในปี 2566 เนื่องจากความไม่แน่นอนหลายประการยังคงอยู่" นายหยางกล่าว
นายหยางอ้างถึงความท้าทายทางเศรษฐกิจต่าง ๆ รวมถึงสงครามรัสเซีย-ยูเครน ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับจีนที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมชิป รวมถึงภาวะติดขัดในห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่ช่วงโควิด-19 ระบาด และเงินเฟ้อที่สูง
นอกจากนี้ นายหยางกล่าวว่า การดำเนินนโยบายการเงินในอนาคตนั้นจะขึ้นอยู่กับตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ