บริษัทเทสลา อิงค์ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3/2565 อยู่ที่ 1.05 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ของรีฟินิทิฟ (Refinitiv) คาดการณ์ไว้ที่ 99 เซนต์ ส่วนรายได้อยู่ที่ 2.145 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.196 หมื่นล้านดอลลาร์
เทสลาระบุว่า บริษัทมีกำไรสุทธิตามมาตรฐานบัญชีทั่วไป (GAAP) อยู่ที่ 3.33 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 ส่วนอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) จากธุรกิจยานยนต์ยังคงอยู่ที่ระดับ 27.9% ส่วนในไตรมาส 3 ปีที่แล้วนั้น เทสลารายงานกำไรอยู่ที่ 1.62 พันล้านดอลลาร์
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ในระหว่างการแถลงผลประกอบการครั้งนี้ เทสลาได้เปิดโอกาสให้บรรดานักลงทุนตั้งคำถามในประเด็นต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจมหภาค, ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า, กรณีที่นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลาเสนอซื้อกิจการทวิตเตอร์ และความเป็นไปได้ที่เทสลาจะซื้อหุ้นคืน
ทั้งนี้ นายมัสก์ได้ตอบข้อซักถามดังกล่าวว่า "ผมมั่นใจอย่างมากว่าความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จะแข็งแกร่งในไตรมาส 4 ปีนี้ และเราคาดว่าจะสามารถขายรถทุกคันที่เราผลิตได้ในอนาคต ขณะนี้โรงงานหลายแห่งกำลังเดินเครื่องอย่างเต็มที่ และเรากำลังจัดส่งรถยนต์ทุกคันที่เราผลิต ซึ่งจะทำให้กำไรจากการดำเนินงานของเรามีความแข็งแกร่งมาก"
"เทสลาอาจจะซื้อหุ้นคืนครั้งใหญ่ในปีหน้า ซึ่งอาจจะซื้อคืนในวงเงินประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์ถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยจะขึ้นอยู่กับการอนุมัติของคณะกรรมการบริหาร" นายมัสก์กล่าว
ส่วนคำถามเกี่ยวกับการยื่นข้อเสนอซื้อกิจการบริษัททวิตเตอร์นั้น นายมัสก์กล่าวว่า "ผมคิดว่าทวิตเตอร์เป็นสินทรัพย์ที่มีศักยภาพในระยะยาว"
ทั้งนี้ คาดว่านายมัสก์อาจจะขายหุ้นส่วนหนึ่งของเขาที่ถืออยู่ในเทสลา เพื่อเป็นทุนในการปิดดีลซื้อกิจการทวิตเตอร์ในราคา 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์