บรรดานักธุรกิจที่ร่ำรวยที่สุดของจีนสูญเงินรวมกันจำนวนมากถึง 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากเกิดแรงเทขายในตลาดหุ้นจีน อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในจีน หลังมีการเปิดตัวทีมผู้นำชุดใหม่ในคณะกรรมการถาวรประจำกรมการเมือง (โปลิตบูโร) ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคนสนิทและจงรักภักดีต่อประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และต่างก็สนับสนุนนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของปธน.สี
ข้อมูลจากดัชนี Bloomberg Billionaires Index ระบุว่า ความมั่งคั่งของนายโคลิน หวง เจ้าของบริษัทพินตัวตัว (Pinduoduo) ลดลง 5.1 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ความมั่งคั่งของนายโพนี หม่า ผู้ก่อตั้งบริษัทเทนเซ็นต์ และนายจง ซานซาน ซึ่งเป็นบุคคลร่ำรวยที่สุดของจีน ต่างก็สูญเงินมากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ในวันจันทร์ (24 ต.ค.) เนื่องจากราคาหุ้นบริษัทของพวกเขาร่วงลง หลังจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนปรับคณะผู้นำในโปลิตบูโร
ส่วนความมั่งคั่งของนายแจ็ก หม่า ผู้ก่อตั้งบริษัทอาลีบาบา โฮลดิ้งส์ และความมั่งคั่งของนายวิลเลียม ติง ผู้ก่อตั้งบริษัทเน็ตอีส ลดลงรวมกัน 2.8 พันล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ การปธน.สีได้นำผู้ที่ใกล้ชิดที่สุดของเขาเข้ามาดำรงตำแหน่งสำคัญในโปลิตบูโร ได้ส่งผลให้นักลงทุนในตลาดกังวลว่า จีนจะยังคงใช้มาตรการควบคุมความร่ำรวยและภาคธุรกิจ โดยในวันจันทร์ (24 ต.ค.) หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงร่วงลงรุนแรงกว่าเมื่อครั้งที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนจัดการประชุมสมัชชาใหญ่ในปี 2537 และนักลงทุนต่างชาติแห่เทขายหุ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ผ่านทาง Stock Connect ซึ่งเชื่อมโยงการซื้อขายระหว่างหุ้นจีนและฮ่องกง ส่วนหุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงรุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นจีนยังถูกเทขายต่อเนื่องในวันอังคาร (25 ต.ค.) ขณะที่เงินหยวนอ่อนค่าลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2550
เคนนี เหวิน หัวหน้านักกลยุทธ์ด้านการลงทุนของบริษัทเคจีไอ เอเชียในฮ่องกงกล่าวว่า การร่วงลงของตลาดหุ้นจีนสะท้อนให้เห็นว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนมีความเปราะบางมาก ขณะที่นักลงทุนรอดูว่าจีนจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหรือไม่ หลังจากมีการปรับทีมผู้นำในโปลิตบูโร