แอปเปิล อิงค์ ทำการปรับปรุงนโยบายแอปสโตร์เมื่อวันจันทร์ (24 ต.ค.) โดยใช้ภาษาใหม่ที่มีความชัดเจนยิ่งขึ้นในการอธิบายนโยบายที่มีต่อการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี และ NFT
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า แอปเปิลไม่ได้เกี่ยวข้องกับตลาดซื้อขายคริปโทฯ หรือแอปพลิเคชันอื่นใดที่อนุญาตให้มีการซื้อขายเหรียญดิจิทัลและสกุลเงินต่าง ๆ ดังนั้นตลาดแลกเปลี่ยนเหล่านั้นต้องมีใบอนุญาตระดับภูมิภาคเพื่อให้บริการแอป
แต่สำหรับแอปที่ต้องการขาย NFT และบริการที่เกี่ยวข้องนั้น จำเป็นต้องดำเนินการผ่านระบบการชำระเงินในแอปของแอปเปิล และอาจไม่รวมถึงปุ่ม, ลิงก์ภายนอก หรือข้อเรียกร้องอื่นใดที่จะนำลูกค้าไปยังวิธีการซื้ออื่น ๆ ที่นอกเหนือไปจากการซื้อในแอป"
แอปเปิลให้เหตุผลว่า การต่อสู้เพื่อช่องทางการชำระเงินผ่านระบบการชำระเงินของแอปเปิลนั้นเป็นหนทางเดียวที่น่าเชื่อถือที่จะรับประกันความปลอดภัยของผู้ใช้งานและข้อมูลที่อ่อนไหวของพวกเขา โดยประเด็นดังกล่าวได้กลายมาเป็นการต่อสู้ทางกฎหมายกับอีพิก เกมส์ อิงค์ บริษัทผลิตเกมฟอร์ทไนท์ และการเผชิญหน้ากับรัฐบาลต่าง ๆ เช่น รัฐบาลเกาหลีใต้
ทั้งนี้ แอปเปิลเก็บค่าธรรมเนียมการชำระเงินผ่านแอป 30% ทำให้แอปเปิลโกยรายได้ก้อนโตจากผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น ฟอร์ทไนท์ ซึ่งรวมถึงการปลดล็อกเนื้อหาในเกมจำนวนโดยผู้เล่นกระเป๋าหนัก
แอปเปิลต่อต้านแอปที่ปล่อยให้ผู้ถือ NFT ปลดล็อกฟีเจอร์ภายในแอป ซึ่งอาจเป็นการแก้ปัญหาแบบไม่ตรงจุดเกี่ยวกับกฎเกณฑ์การชำระเงินของบริษัท โดยอาจส่งผลกระทบต่อโครงการ NFT บางส่วนที่ใช้เหรียญโทเคนเป็นเหมือนบัตรสมาชิก รวมถึงการมอบสิทธิพิเศษเพิ่มเติมและการเข้าถึงพิเศษ
อย่างไรก็ตาม แอปเปิลยังอนุญาตให้ผู้ใช้งานแสดง, เบราส์ และแบ่งปันของสะสม NFT กับผู้ใช้คนอื่น ๆ ในแอปต่าง ๆ ผ่าน iPhone และ iPad
สำหรับปริมาณการซื้อขาย NFT ซึ่งเป็นศิลปะดิจิทัลและของสะสมที่บันทึกอยู่ในบล็อกเชน ร่วงลง 97% จากระดับสูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนม.ค. หลังเกิดภาวะตื่นตระหนกทางเศรษฐกิจ และตลาดคริปโทฯ ทรุดตัวลงจนบั่นทอนความต้องการสินทรัพย์ดิจิทัล