นายเชอร์รอด บราวน์ ประธานคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภาสหรัฐ เรียกร้องให้นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระมัดระวังเรื่องการคุมเข้มนโยบายการเงิน เพราะวิตกกังวลว่า ชาวอเมริกันหลายล้านคนที่เผชิญปัญหาเงินเฟ้อสูงอยู่แล้วอาจต้องตกงานร่วมด้วย
"คุณมีหน้าที่ต่อสู้กับเงินเฟ้อ แต่ในขณะเดียวกัน คุณต้องไม่ละทิ้งหน้าที่ในการรับประกันว่าเราจะมีการจ้างงานอย่างเต็มที่" นายบราวน์กล่าวผ่านจดหมายที่ส่งถึงบรรดาผู้ว่าการเฟดในวันอังคาร (25 ต.ค.) พร้อมเสริมว่า "เราต้องหลีกเลี่ยงการเกิดความก้าวหน้าแค่ในระยะสั้นและการมีตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งเพียงเพราะการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินเชิงรุกเพื่อลดเงินเฟ้อ โดยเฉพาะตอนที่การดำเนินการของเฟดไม่ได้แก้ปัญหาปัจจัยขับเคลื่อนหลัก"
นักวิเคราะห์คาดการณ์กันในวงกว้างว่าเจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 4 ในการประชุมเดือนหน้า ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายปรับตัวขึ้นสู่กรอบ 3.75% - 4% โดยจะถือเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากที่สุดในรอบประมาณ 40 ปี
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า จดหมายของนายบราวน์นั้นไม่ได้ขอให้นายพาวเวล หรือเฟดชะลอหรือหยุดขึ้นดอกเบี้ย แม้เรียกร้องให้ "ระมัดระวัง" ท่ามกลางการเดินหน้าคุมเข้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลก และสงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ซึ่งถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่แท้จริงต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจโลก
อนึ่ง นายพาวเวลยอมรับเรื่องความเสี่ยงต่าง ๆ เหล่านี้ และความเป็นไปได้ที่อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะทำให้อัตราว่างงานเพิ่มสูงขึ้น แม้ปัจจุบันอัตราว่างงานเคลื่อนไหวที่ระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ที่ 3.5% แต่เขาโต้แย้งว่า การต่อสู้เงินเฟ้อที่ปัจจุบันสูงเหนือเป้าหมาย 2% ของเฟดกว่าสามเท่านั้น เป็นหนทางเดียวที่จะรับประกันความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานในระยะยาว