บริษัทคลอร็อกซ์ (Clorox) ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำยาฟอกขาวและกระดาษเปียกรายใหญ่ของสหรัฐคาดการณ์ว่า ชาวอเมริกันจะยังคงซื้อผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคต่อไป แม้การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เริ่มบรรเทาลง แต่สถานการณ์ที่แท้จริงกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า คลอร็อกซ์กำลังเผชิญกับรายได้และกำไรที่ลดน้อยลงเนื่องจากการอุปโภคที่อ่อนแรงลงและต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยยอดขายของบริษัทในรอบปีงบการเงินที่สิ้นสุดเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมานั้น ปรับตัวลง 3% สู่ระดับ 7.1 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับปีงบการเงินก่อนหน้า ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ากำไรและรายได้ของบริษัทจะลดลงอีกในช่วงกลางปีงบการเงิน 2566
บริษัทในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ตั้งแต่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซไปจนถึงธุรกิจทำความสะอาดต้องพึ่งพาการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงที่หลายประเทศใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโรคโควิด-19 แต่ขณะนี้ปัญหาเงินเฟ้อกำลังบีบให้ชาวอเมริกันต้องลดการใช้จ่ายในช่วงที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เริ่มบรรเทาลง
ทั้งนี้ คลอร็อกซ์กำลังรับมือกับต้นทุนวัตถุดิบและค่าขนส่งที่สูงขึ้น โดยมีรายงานว่าบริษัทกำลังปรับโครงสร้างธุรกิจ และปลดพนักงานที่มีตำแหน่งสูงบางส่วนเพื่อลดต้นทุน
ราคาหุ้นคลอร็อกซ์ร่วงลงประมาณ 40% จากระดับสูงสุดที่เคยทำไว้ในเดือนส.ค. 2563 ในช่วงที่โรคโควิด-19 กำลังแพร่ระบาด
แอนนา ลิซซุล นักวิเคราะห์จากแบงก์ ออฟ อเมริกา ซิเคียวริตีส์กล่าวว่า คลอร็อกซ์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่เครื่องกรองน้ำ Brita ไปจนถึงน้ำสลัด Hidden Valley Ranch แต่ผลิตภัณฑ์ฟอกขาวและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอเนกประสงค์หลายรายการนั้น มีสัดส่วนสูงถึง 27% ของรายได้ และเพื่อเป็นการตอบสนองต่อความต้องการที่สูงมากในช่วงโควิด-19 แพร่ระบาด คลอร็อกซ์ได้เพิ่มสายการผลิตใหม่ในรัฐจอร์เจีย และเซ็นสัญญากับผู้ผลิตหลายราย
อย่างไรก็ดี มอร์นิ่ง คอนซัลท์ ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจข้อมูลธุรกิจระบุว่า คลอร็อกซ์ได้ชะลอการทำข้อตกลงทางธุรกิจในช่วงไม่กี่ไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากอุปสงค์กระดาษเปียกเพื่อทำความสะอาดเริ่มกลับสู่ระดับปกติ และจำนวนชาวอเมริกันที่มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคระบาดนั้น ลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2563 โดยยอดขายกระดาษเปียกทำความสะอาดลดลงราว 25% ในปีงบการเงินที่สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.
ทั้งนี้ โฆษกของคลอร็อกซ์ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นใด ๆ ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการในวันนี้
เมื่อไม่นานมานี้ ลินดา เรนเดิล ซีอีโอของคลอร็อกซ์ได้ประกาศแผนปรับโครงสร้างที่มุ่งเน้นการผลักดันบริษัทให้เติบโตอย่างมีศักยภาพ โดยการปรับโครงสร้างดังกล่าวครอบคลุมถึงการลดจำนวนพนักงาน 100 ตำแหน่ง หรือคิดเป็น 2% ของพนักงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับการผลิต ซึ่งส่งผลให้พนักงานที่มีตำแหน่งสูงถูกปลดออกหลายตำแหน่งเนื่องจากบริษัทต้องการปรับโครงสร้างฝ่ายบริหาร