ทีมนักกลยุทธ์ของเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โคกล่าวว่า ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีเผชิญกับแรงเทขายมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์ อันเนื่องมาจากวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นกับบริษัทเอฟทีเอ็กซ์ (FTX) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินคริปโทฯ โดยสถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลให้ราคาบิตคอยน์ร่วงลงแตะระดับ 13,000 ดอลลาร์
ทีมนักกลยุทธ์ของเจพีมอร์แกนซึ่งนำโดยนายนิโคเลาส์ ปานิกีร์ซ็อกโลกล่าวว่า วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาดคริปโทฯ อาจผลักดันให้มีการเรียกวางเงินประกันเพิ่ม (Margin Call) เมื่อพิจารณาจากความเชื่อมโยงกันระหว่างเอฟทีเอ็กซ์, อลาเมดา รีเสิร์ช (Alameda Research) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของเอฟทีเอ็กซ์ และบริษัทอื่น ๆ ในระบบนิเวศคริปโทฯ
"สิ่งที่จะทำให้แรงเทขายรอบใหม่ในตลาดคริปโทฯ ที่เกิดจากการล่มสลายของอลาเมดาและเอฟทีเอ็กซ์กลายเป็นปัญหาเชิงระบบมากขึ้นนั้นก็คือ การที่จำนวนบริษัทที่มีงบดุลบัญชีที่แข็งแกร่งที่จะเข้าไปช่วยเหลือบริษัทที่มีฐานเงินทุนต่ำและมีหนี้สินสูงนั้น กำลังลดลงอย่างมากในตลาดคริปโทฯ" เจพีมอร์แกนระบุ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ราคาบิตคอยน์ฟื้นตัวขึ้นในวันนี้ (10 พ.ย.) โดย ณ เวลา 09.35 น.ตามเวลาสิงคโปร์ ราคาบิตคอยน์ดีดตัวขึ้น 3% แตะระดับ 16,200 ดอลลาร์ หลังร่วงลงติดต่อกัน 4 วัน รวมถึงการดิ่งลงเกือบ 16% เมื่อวานนี้ (9 พ.ย.) เนื่องจากมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาสภาพคล่องของเอฟทีเอ็กซ์
ไบแนนซ์ (Binance) ซึ่งเป็นบริษัทซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีรายใหญ่ที่สุดของโลกประกาศยกเลิกข้อตกลงซื้อกิจการเอฟทีเอ็กซ์ในวันพุธ (9 พ.ย.) ตามเวลาสหรัฐ โดยระบุว่าปัญหาของเอฟทีเอ็กซ์มีมากเกินกว่าที่ไบแนนซ์จะควบคุมหรือสามารถช่วยเหลือได้
การที่ไบแนนซ์กลับลำยกเลิกแผนซื้อกิจการอาจส่งผลให้บริษัทเอฟทีเอ็กซ์ของนายแซม แบงก์แมน-ฟรายด์ มีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะล้มละลาย ขณะที่แหล่งข่าวระบุว่า นายแบงก์แมน-ฟรายด์ได้แจ้งให้นักลงทุนของเอฟทีเอ็กซ์ทราบว่า บริษัทอาจจะยื่นล้มละลายหากไม่ได้รับการอัดฉีดเงินทุน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นวิกฤตการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นในตลาดคริปโทฯ และทำให้ราคาเหรียญคริปโทฯ ทรุดตัวลงอย่างหนักในปีนี้ โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการที่ธนาคารกลางทั่วโลกพากันปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ดี ทีมนักกลยุทธ์ของเจพีมอร์แกนยังเชื่อว่า ผลกระทบที่มีต่อมูลค่าตลาดคริปโทฯ ขณะนี้ อาจจะรุนแรงน้อยกว่าเมื่อครั้งที่เหรียญสเตเบิลคอยน์ TerraUSD หรือ UST ทรุดตัวลงจนหลุดมูลค่า 1 ดอลลาร์ที่ตรึงไว้กับดอลลาร์สหรัฐเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา