มัลติคอยน์ แคปิตอล (Multicoin Capital) ซึ่งเป็นบริษัทคริปโทเคอร์เรนซีของสหรัฐ ได้ส่งจดหมายแจ้งนักลงทุนในวันพฤหัสบดี (17 พ.ย.) ว่า การล้มละลายของบริษัทเอฟทีเอ็กซ์ (FTX) และการทรุดตัวของราคาคริปโทฯ ได้ส่งผลให้เม็ดเงินทุนของมัลติคอยน์ลดลงมากถึง 55% ในเดือนนี้ พร้อมระบุว่า ตลาดคริปโทฯ มีแนวโน้มที่จะทรุดตัวลงรุนแรง ก่อนที่จะฟื้นตัวอีกครั้งในวันข้างหน้า
มัลติคอยน์ระบุว่า แม้มีความเป็นไปได้ที่บริษัทจะได้เงินคืนบางส่วนจากเอฟทีเอ็กซ์ แต่เนื่องจากขณะนี้สินทรัพย์เหล่านั้นได้ถูกรวมอยู่ในกระบวนการล้มละลายของเอฟทีเอ็กซ์ ทำให้ความหวังที่จะได้เงินคืนมานั้นเหลือศูนย์ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อฐานเงินทุนของมัลติคอยน์ซึ่งทำธุรกิจคริปโทฯ มานานถึง 5 ปี โดยในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา บริษัทมีฐานเงินทุน 430 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นบริษัทคริปโทฯ ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3
"ที่ผ่านมา เราไว้วางใจในความสัมพันธ์ของเรากับเอฟทีเอ็กซ์มากเกินไป และเรามีสินทรัพย์อยู่ในเอฟทีเอ็กซ์มากเกินไปเช่นกัน" นายไคล ซามานี และนายตูชาร์ เจน หุ้นส่วนด้านบริหารของมัลติคอยน์ระบุในจดหมายถึงนักลงทุน
มัลติคอยน์คาดการณ์ว่า ตลาดคริปโทฯ จะยังไม่ฟื้นตัวในเร็ววันนี้ เนื่องจากมีแนวโน้มว่าจะมีบริษัทล้มละลายมากขึ้นอีก อันเป็นผลมาจากการล่มสลายลงอย่างฉับพลันของเอฟทีเอ็กซ์ และอลาเมดา รีเสิร์ช ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ
"เราคาดว่าจะมีอีกหลายบริษัทที่ล้มละลายตามเอฟทีเอ็กซ์และอลาเมดาในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ เราคาดว่า บริษัทเทรดดิงด้านคริปโทฯ หลายแห่งจะหายไปจากตลาดและปิดตัวลง ซึ่งจะสร้างแรงกดดันต่อสภาพคล่องและวอลุ่มการซื้อขายทั่วทั้งระบบนิเวศคริปโทฯ" มัลติคอยน์ระบุ
ทั้งนี้ มัลติคอยน์ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการล้มละลายของเอฟทีเอ็กซ์ เนื่องจากมัลติคอยน์ลงทุนในเหรียญโซลานาจำนวนมาก โดยนายแซม แบงค์แมน-ฟรีด ซีอีโอของเอฟทีเอ็กซ์ เป็นผู้ผลักดันเหรียญโซลานา และบริษัทอลาเมดาเป็นผู้ถือครองเหรียญโซลานารายใหญ่ ซึ่งความเชื่อมโยงกันเช่นนี้ส่งผลให้มูลค่าเหรียญโซลานาดิ่งลง 64% ในช่วง 12 วันที่ผ่านมา