ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกเป็นส่วนใหญ่ในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาจีนประกาศอัตราดอกเบี้ยลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปี และ 5 ปีในวันนี้
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนจะตรึงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปีที่ระดับ 3.65% และตรึงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีที่ระดับ 4.30% ในวันนี้ หลังจากที่ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปีซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีนไว้ที่ระดับ 2.75% เมื่อวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา
-- นายหาว ฮง หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัทโกรว์ อินเวสต์เมนท์ กรุ๊ป คาดการณ์ว่า จีนจะเริ่มเปิดประเทศหลังจากผ่อนคลายมาตรการโควิดเป็นศูนย์อย่างค่อยเป็นค่อยไป และคาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนจะค่อย ๆ ฟื้นตัวหลังจากรัฐบาลใช้มาตรการสนับสนุน ซึ่งปัจจัยเหลานี้จะช่วยให้ดัชนีตลาดหุ้นจีนดีดตัวขึ้นแข็งแกร่งถึง 13% ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า และช่วยหนุนดัชนีฮังเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงทะยานขึ้น 28%
นายฮงเปิดเผยในรายงานว่า "Outlook 2023: A Cyclical Recovery" ในวันนี้ โดยระบุว่า ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนจะเคลื่อนไหวในกรอบ 3,000 - 3,500 จุดในช่วง 12 เดือนข้างหน้า และคาดว่าดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 23,000 จุด
-- รัฐบาลฮ่องกงออกแถลงการณ์ในวันนี้ว่า นายจอห์น ลี ผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษของฮ่องกง มีผลตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นบวก หลังกลับจากการเข้าร่วมประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ที่ประเทศไทย โดยในการประชุมครั้งนี้นายลีได้พบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนด้วย
แถลงการณ์ระบุว่า นายลีได้ดำเนินการตามนโยบายควบคุมโควิด-19 ด้วยการแยกตัว และจะทำงานจากที่บ้าน
-- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (WORLD ECONOMIC OUTLOOK REPORT) ในเดือนต.ค. 2565 โดยคาดการณ์ว่า ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนั้น มีประเทศไทยและจีนเพียง 2 ประเทศเท่านั้นที่มีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่แท้จริง (Real GDP) ที่ขยายตัวทั้งในปี 2565 และ 2566 และการขยายตัวของจีดีพีที่แท้จริงในปีหน้านั้นยังเพิ่มขึ้นจากระดับในปีนี้ด้วย
IMF Staff estimates คาดการณ์ว่า จีดีพีที่แท้จริงของไทยในปี 2566 จะขยายตัว 3.7% เพิ่มขึ้นจากระดับ 2.8% ของปี 2565 ส่วนจีดีพีที่แท้จริงของจีนนั้น IMF คาดว่าจะขยายตัว 4.4% ในปี 2566 เพิ่มขึ้นจากระดับ 3.2% ในปี 2565
นอกจากนี้ IMF ยังคาดการณ์ว่าอัตราว่างงานของประเทศไทยอยู่ที่ระดับต่ำสุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยอยู่ที่เพียง 1.0% ทั้งในปี 2565 และ 2566
-- นางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐเปิดเผยว่า เมืองซานฟรานซิสโกในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคในปีหน้า
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทยซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเอเปค ได้ส่งมอบตำแหน่งประธานเอเปคปี 2566 ให้กับสหรัฐ พร้อมปิดฉากการประชุมเอเปคที่กรุงเทพในวันเสาร์ที่ 19 พ.ย.
"ผมมีความยินดีที่จะส่งมอบตำแหน่งประธานเอเปคให้กับสหรัฐอเมริกา เราพร้อมที่จะดำเนินความร่วมมือกับพวกเขาอย่างราบรื่น" พลเอกประยุทธ์กล่าว พร้อมมอบชะลอม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์การเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทยให้กับนางแฮร์ริส
"ปีที่เราเป็นเจ้าภาพเอเปคจะแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนของสหรัฐต่ออินโด-แปซิฟิก" นางแฮร์ริสระบุในแถลงการณ์ที่ออกโดยทำเนียบขาว
-- เอฟทีเอ็กซ์ (FTX) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีที่เพิ่งยื่นขอล้มละลายจากผลพวงของวิกฤตสภาพคล่อง ได้ออกมาเปิดเผยว่า บริษัทค้างเงินเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุด 50 อันดับแรกเกือบ 3.1 พันล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ ข้อมูลในเอกสารที่เอฟทีเอ็กซ์ยื่นต่อศาลเมื่อวันเสาร์ (19 พ.ย.) ระบุว่า บริษัทติดหนี้เจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุด 10 อันดับแรกประมาณ 1.45 พันล้านดอลลาร์ แต่ไม่ได้เปิดเผยชื่อเจ้าหนี้เหล่านี้
ในวันเดียวกัน เอฟทีเอ็กซ์ระบุว่า เอฟทีเอ็กซ์และบริษัทในเครือประมาณ 100 แห่งได้เริ่มตรวจสอบทรัพย์สินทั่วโลกภายใต้กระบวนการยื่นขอล้มละลาย และเตรียมการเพื่อขายหรือปรับโครงสร้างธุรกิจในเครือบางแห่ง
-- เทสลา อิงค์ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยเมื่อวันเสาร์ (19 พ.ย.) ว่า บริษัทจะเรียกคืนรถยนต์จำนวน 321,000 คันในสหรัฐ จากปัญหาไฟท้ายที่อาจไม่ทำงานเป็นพัก ๆ
ทั้งนี้ เทสลารายงานต่อสำนักงานความปลอดภัยด้านการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติสหรัฐ (NHTSA) ว่า การเรียกคืนรถครั้งนี้ครอบคลุมรถรุ่น 2023 โมเดล 3 และรุ่น 2020-2023 โมเดล วาย โดยเทสลาจะทำการแก้ไขปัญหาไฟท้ายผ่านการปรับปรุงทางอากาศ (OTA) พร้อมระบุว่ายังไม่มีรายงานอุบัติเหตุหรือผู้บาดเจ็บที่เกี่ยวข้องกับปัญหาดังกล่าว