นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาคลีฟแลนด์ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีเมื่อวานนี้ (21 พ.ย.) ว่า เฟดสามารถปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่น้อยลงนับตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป โดยเฟดกำลังพยายามปรับนโยบายการเงินให้เหมาะสมเพื่อฉุดเงินเฟ้อให้ชะลอตัวลง ควบคู่ไปกับการรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจให้แข็งแกร่ง
"ดิฉันคิดว่าเฟดสามารถชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้า หลังจากที่ปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงถึง 0.75% ในการประชุมครั้งก่อน ดิฉันไม่มีปัญหาหากเฟดจะทำเช่นนั้น และดิฉันคิดว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมมากด้วย อย่างไรก็ดี ดิฉันคิดว่าเราควรจะให้ภาวะเศรษฐกิจเป็นตัวบ่งชี้ทิศทางให้กับเราว่า เราควรจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากน้อยเพียงใด" นางเมสเตอร์กล่าว
"เรายังมีงานที่ต้องทำอีกมาก เพราะเราต้องการเห็นอัตราเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% อย่างยั่งยืน แม้ว่าเราจะมีข่าวดีอยู่บ้างเกี่ยวกับเงินเฟ้อ แต่เราก็อยากเห็นข่าวดีมากขึ้นและควรเป็นข่าวดีที่ยั่งยืน เพื่อที่เราจะเชื่อมั่นว่าเงินเฟ้อจะกลับสู่เป้าหมายอย่างมีเสถียรภาพในไม่ช้านี้" นางเมสเตอร์กล่าว
ในการประชุมเมื่อช่วงต้นเดือนพ.ย. คณะกรรมการเฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เป็นครั้งที่ 4 แต่หลังจากนั้น กรรมการเฟดหลายรายก็ได้พากันส่งสัญญาณว่า พวกเขาคาดหวังที่จะเห็นเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยน้อยลง เพื่อเปิดโอกาสให้เศรษฐกิจสามารถปรับตัวรับการปรับเปลี่ยนไปสู่การใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 40 ปีของเฟด
ทั้งนี้ เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% สู่กรอบเป้าหมายที่ระดับ 3.75% - 4.00% ในการประชุมเดือนพ.ย. ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้