ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (23 พ.ย.) หลังจากรายงานการประชุมเดือนพ.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,194.06 จุด เพิ่มขึ้น 95.96 จุด หรือ +0.28%
-- คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 1-2 พ.ย.เมื่อวานนี้ (23 พ.ย.) โดยระบุว่า แม้กรรมการเฟดตระหนักว่าตัวเลขเงินเฟ้อยังไม่ได้ส่งสัญญาณชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่า เป็นเรื่องเหมาะสมที่จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ เมื่อพิจารณาถึงผลกระทบของนโยบายการเงินของเฟดที่มีต่อเศรษฐกิจ
"การปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ชะลอลงนั้น จะช่วยให้กรรมการเฟดมีโอกาสประเมินผลกระทบของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา และจะเปิดทางให้กรรมการเฟดสามารถประเมินความคืบหน้าของเป้าหมายการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพและเงินเฟ้อที่มีเสถียรภาพ" รายงานการประชุมเฟดระบุ โดยการประชุมเฟดครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 13-14 ธ.ค.
-- ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ในการประชุมวันนี้ (24 พ.ย.) ตามคาด ซึ่งการชะลอปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า BOK พยายามที่จะควบคุมเงินเฟ้อโดยไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของ BOK มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 3.25% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. ปี 2555 หลังจากที่ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนต.ค.ที่ผ่านมา
-- สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เมืองเจิ้งโจว ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิต iPhone ที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทแอปเปิ้ล จะถูกล็อกดาวน์เป็นเวลา 5 วัน หลังจากเจ้าหน้าที่ในเมืองประกาศว่าการระบาดของโรคโควิด-19 เข้าสู่ภาวะวิกฤตแล้ว
หน่วยงานควบคุมโรคระบาดในเมืองเจิ้งโจวออกแถลงการณ์เมื่อเย็นวันพุธ (23 พ.ย.) ว่า มาตรการล็อกดาวน์ หรือที่ในจีนเรียกว่า "มาตรการควบคุมการสัญจร" จะมีผลบังคับใช้ในเขตเมืองหลักตั้งแต่วันที่ 25-29 พ.ย. เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้น โดยเมืองเจิ้งโจวพบผู้ติดเชื้อ 996 รายเมื่อวานนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 813 รายของวันอังคาร (22 พ.ย.)
-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 3% ในวันพุธ (23 พ.ย.) หลังมีรายงานว่ากลุ่มประเทศ G7 เตรียมกำหนดเพดานราคาน้ำมันรัสเซียไม่ให้เกิน 70 ดอลลาร์/บาร์เรล นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากสต็อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐที่พุ่งขึ้นมากกว่าคาด รวมทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในจีน
-- ตลาดหุ้นเวียดนามทรุดตัวลง 36% แล้วนับตั้งแต่ต้นปีนี้ ส่งผลให้เวียดนามกลายเป็นตลาดหุ้นที่ปรับตัวย่ำแย่ที่สุดในโลก ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารและอสังหาริมทรัพย์ดิ่งลงนำตลาด
-- สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบในคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) ลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 390.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2527
-- ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 56.8 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน จากระดับ 59.9 ในเดือนต.ค. แต่สูงกว่าตัวเลขดัชนีเบื้องต้นที่ระดับ 54.7
ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และการดีดตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ย
-- เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 46.3 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จากระดับ 48.2 ในเดือนต.ค.
ดัชนี PMI ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคธุรกิจของสหรัฐอยู่ในภาวะหดตัว โดยหดตัวเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน
-- ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในวันนี้ เกาหลีใต้มีกำหนดเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค. และธนาคารกลางเกาหลีใต้แถลงมติอัตราดอกเบี้ย, ญี่ปุ่นจะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.ย. และเยอรมนีมีกำหนดเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนพ.ย.จากสถาบัน Ifo