กระแสความไม่พอใจต่อการบังคับใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในจีนได้พุ่งเป้ามายังข้อกำหนดด้านการตรวจหาเชื้อและธุรกิจรายใหญ่เพิ่มมากขึ้น
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า แฮชแท็ก (#) "หากความปั่นป่วนเกี่ยวกับการทดสอบโควิด-19 ยังไม่ยุติ โรคระบาดก็อาจไม่มีวันสิ้นสุด" กลายเป็นประเด็นร้อนแรงติดเทรนด์บนเว่ยป๋อในช่วงเช้าวันอังคารที่ 29 ธ.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ แฮชแท็กดังกล่าวอ้างอิงถึงพาดหัวบทความชิ้นหนึ่งจากสื่อที่ดูแลโดยหนังสือพิมพ์พีเพิลส์ เดลีย์ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน แต่ขณะนี้ถูกลบออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยบทความชิ้นที่ว่านี้ได้เปิดเผยเรื่องการปลอมแปลงผลทดสอบเชื้อโควิด-19 ทั่วประเทศจีนในปีนี้ รวมถึงในนครเซี่ยงไฮ้และกรุงปักกิ่ง
บทความดังกล่าวเตือนว่า การรายงานผลตรวจหาเชื้อด้วยวิธีการทดสอบกรดนิวคลีอิกที่ผิดพลาดอาจทำให้โควิด-19 ระบาดหนักข้อยิ่งขึ้น จนนำไปสู่การสั่งปูพรมตรวจหาเชื้อซ้ำแล้วซ้ำเล่า และออกมาตรการล็อกดาวน์นานหลายเดือน
นอกจากนี้ สื่อรายเดียวกันยังได้เผยแพร่บทความอีกชิ้นหนึ่ง โดยเนื้อหาเป็นเรื่องเกี่ยวกับบริษัททดสอบไวรัสกว่า 30 แห่งในจีนที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่เพียงรายเดียว ทั้งยังมีประวัติถูกปรับครั้งแล้วครั้งเล่า
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สุขภาพเมืองหลานโจวกล่าวหาหนึ่งในบริษัทข้างต้น โทษฐานรายงานผลบวกเป็นลบ โดยสำนักข่าวซีเอ็นบีซีระบุว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า กรณีดังกล่าวเป็นการปลอมแปลงผลตรวจหรือเกิดจากปัญหาการทดสอบจำนวนมาก ทำให้ยากที่จะแปลผลได้อย่างแม่นยำ
ในวันอังคาร เจ้าหน้าที่จีนแถลงข่าวว่า พื้นที่ต่าง ๆ เช่น กรุงปักกิ่ง เมืองเหอเฝย และเมืองสือจยาจวง พบปัญหาเกี่ยวกับบริษัทตรวจหาเชื้อและได้ดำเนินการลงโทษบริษัทเหล่านั้น นอกจากนี้ ทางการยังได้เปิดการไต่สวนสถาบันและบุคคลที่เกี่ยวข้องด้วย
ซีเอ็นบีซีรายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากบริษัทวินด์ อินฟอร์เมชันว่า บริษัททดสอบโควิด-19 จำนวน 15 แห่งในจีน ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โกยรายได้รวมกัน 8.658 หมื่นล้านหยวน (1.22 หมื่นล้านดอลลาร์) ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีนี้ แม้รายได้ทั้งหมดอาจไม่ได้มาจากการตรวจหาเชื้อ แต่ธุรกิจทำเงินมหาศาลในเดือนม.ค.-ก.ย.ปีนี้