นางคริสตาลินา จอร์เจียวา ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า แรงกดดันเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นและภาวะเศรษฐกิจจีนชะลอตัวถือเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจเอเชีย โดยเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายเตรียมการป้องกันภาวะตื่นตระหนกในอนาคต
ทั้งนี้ นางจอร์เจียวากล่าวว่า ประเทศสมาชิกอาเซียนนั้นอยู่ใน "จุดที่สดใส" ในเศรษฐกิจโลก โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 5% ในปีนี้ และเติบโตชะลอตัวลงเล็กน้อยในปี 2566
อย่างไรก็ตาม เธอเตือนว่า แนวโน้มดังกล่าวนั้นไม่แน่นอนอย่างมาก เนื่องจากเผชิญปัจจัยเสี่ยงหลากหลายประการ เช่น ผลกระทบจากสงครามในยูเครนของรัสเซีย รวมถึงการคุมเข้มนโยบายการเงินทั่วโลก และเศรษฐกิจจีนเติบโตชะลอตัว
"อีกปัจจัยที่สร้างความท้าทายไปทั่วโลกคือเงินเฟ้อ แม้คาดการณ์ว่า เงินเฟ้อเอเชียจะเฉลี่ยอยู่ที่เพียง 4% ในปีนี้ แต่แรงกดดันเงินเฟ้อในภูมิภาคดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ" นางจอร์เจียวากล่าว
"เราไม่รู้ว่าภาวะตื่นตระหนกนี้จะคงอยู่ไปนานเพียงใด และจะมีภาวะตื่นตระหนกอื่น ๆ ตามมาอีกหรือไม่ แต่เราจำเป็นต้องพัฒนาและรักษาเครื่องรับแรงปะทะ รวมถึงเตรียมตัวใช้เครื่องมือนโยบายของเราอย่างเต็มที่"
ขณะเดียวกัน นายมาซัตสึกุ อาซาคาวะ ประธานธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) ได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายของเอเชียตื่นตัวต่อสัญญาณกระแสเงินทุนไหลออกแบบฉับพลัน จากผลพวงของกรณีที่สหรัฐปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบต่อเนื่อง
"เราเห็นความเสี่ยงจากการคุมเข้มนโยบายการเงินในเชิงรุกของสหรัฐ ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะเงินทุนไหลออกแบบฉับพลัน หรือเงินอ่อนค่าอย่างหนัก" นายอาซาคาวะกล่าวผ่านระบบทางไกลต่อที่ประชุมอาเซียน+3 ณ ประเทศสิงคโปร์ในวันนี้ (2 ธ.ค.)