ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ หลังกลุ่มโอเปกพลัสยังคงดำเนินนโยบายปรับลดการผลิตน้ำมันต่อไปก่อนสหภาพยุโรป (EU) ห้ามการนำเข้าน้ำมันและกลุ่ม G7 เริ่มใช้เพดานกำหนดราคาน้ำมันรัสเซียในวันนี้ (5 ธ.ค.)
นอกจากนี้ การที่เมืองต่าง ๆ ของจีนผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 มากขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์นั้น ถือเป็นสัญญาณบวกเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันซึ่งอาจจะเพิ่มขึ้นในจีน
ทั้งนี้ ณ เวลา 08.09 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. พุ่งขึ้น 1.61 ดอลลาร์ หรือ +2.01% สู่ระดับ 81.59 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. พุ่งขึ้น 1.86 ดอลลาร์ หรือ +2.17% สู่ระดับ 87.43 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กลุ่มโอเปกพลัสซึ่งประกอบด้วยประเทศสมาชิกโอเปกและพันธมิตรซึ่งรวมถึงรัสเซีย ได้ตกลงกันเมื่อวันอาทิตย์ (4 ธ.ค.) ที่จะยังคงดำเนินการตามแผนเดิมที่ได้ตกลงกันไว้ในเดือนต.ค.ที่ผ่านมาที่จะปรับลดการผลิตน้ำมันลง 2 ล้านบาร์เรลต่อวันตั้งแต่เดือนพ.ย. 2565 ไปจนถึงสิ้นปี 2566
บรรดานักวิเคราะห์ระบุว่า การตัดสินใจดังกล่าวของโอเปกพลัสเป็นไปตามความคาดหมาย เนื่องจากบรรดาผู้ผลิตรายใหญ่จะรอดูผลกระทบจากการที่ EU ห้ามนำเข้าน้ำมันรัสเซียและกลุ่ม G7 กำหนดเพดานราคาน้ำมันของรัสเซียที่ขนส่งทางทะเล ขณะที่รัสเซียขู่จะยกเลิกการส่งน้ำมันให้กับประเทศที่เข้าร่วมกำหนดเพดานราคาน้ำมัน
"เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนต่าง ๆ ก็ดูเหมือนว่าการที่โอเปกพลัสเลือกที่จะใช้กลยุทธ์ในการจับตารอดูนั้น เป็นเรื่องที่เหมาะสมมาก" นักวิเคราะห์ของอาร์บีซี แคปิตอล มาร์เก็ตระบุ