นักลงทุนระดับมืออาชีพคาดการณ์ว่าจะสามารถหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ แม้เผชิญคำเตือนมากมาย โดยโกลด์แมนแซคส์เผยผลการศึกษาเกี่ยวกับมุมมองของกองทุนรวมและเฮดจ์ฟันด์ที่มีสินทรัพย์รวมเกือบ 5 ล้านล้านดอลลาร์ว่า ขณะนี้บรรดาผู้บริหารเงินนั้นชื่นชอบหุ้นที่มีความอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจ เช่น บริษัทอุตสาหกรรมและผู้ผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ ส่วนหุ้นที่มีแนวโน้มทำผลงานได้ดีในช่วงเศรษฐกิจขาลงนั้น ได้แก่หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและสินค้าอุปโภคบริโค แต่ปัจจุบันหุ้นกลุ่มนี้กลับไม่ได้รับความนิยม
ทั้งนี้ มุมมองดังกล่าวเกิดจากการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางหรัฐ (เฟด) จะสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้โดยไม่ก่อให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งถือเป็นภารกิจที่ยากลำบาก โดยการคาดการณ์ดังกล่าวมีขึ้นในวันศุกร์ที่ 2 ธ.ค.และ 5 ธ.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่สหรัฐเปิดเผยข้อมูลตลาดแรงงานและภาคบริการที่ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่า เฟดจะดำเนินนโยบายการเงินเชิงรุกต่อไป ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดความผิดพลาดทางนโยบาย
"แนวโน้มหุ้นในปัจจุบันนั้นแสดงให้เห็นว่านักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้โดยไม่ต้องเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย" นักกลยุทธ์โกลด์แมน ซึ่งรวมถึงนายเดวิด คอสตินกล่าว พร้อมเสริมว่า ทิศทางการลงทุนและปัจจัยเสี่ยงของอุตสาหกรรมกองทุนบ่งชี้ถึงจุดยืนที่คล้ายคลึงกัน
โกลด์แมนระบุว่า ไม่ใช่เรื่องฉลาดนักในการทุ่มเงินไปกับสินทรัพย์เสี่ยง โดยความจริงแล้ว นักลงทุนได้เพิ่มการถือเงินสด หรือคาดการณ์ว่าหุ้นอยู่ในภาวะขาลงในปีนี้ เนื่องจากเฟดดำเนินการคุมเข้มนโยบายการเงินมากที่สุดในรอบหลายทศวรรษ เพื่อสกัดเงินเฟ้อ แต่ภายใต้ความระมัดระวังนี้ก็ยังคงมีความต้องการเสี่ยง ซึ่งสวนทางกับความวิตกกังวลในวงกว้างในกลุ่มชุมชนการลงทุนว่า เศรษฐกิจกำลังจะทรุดตัวอย่างหนักในอนาคต
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ผลสำรวจผู้บริหารกองทุนที่จัดทำโดยแบงก์ ออฟ อเมริกาเมื่อเดือนพ.ย. บ่งชี้ว่า 77% คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะถดถอยในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งเป็นสัดส่วนสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงวิกฤตการณ์โควิด-19 ในปี 2563