-- คณะลูกขุนนิวยอร์กตัดสินว่าบริษัท 2 แห่งในเครือเดอะ ทรัมป์ ออร์แกไนเซชัน ซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ มีความผิดในข้อหาฉ้อโกงและหลบเลี่ยงภาษีโดยการปลอมแปลงเอกสารทางธุรกิจมานานถึง 15 ปี
-- ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ (CDC) เรียกร้องให้ชาวอเมริกันสวมใส่หน้ากากอนามัยเพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคติดต่อทางเดินหายใจ ขณะที่โรคหวัด, โควิด-19 และ RSV (โรคระบบทางเดินหายใจที่พบบ่อยในเด็ก) เกิดการแพร่ระบาดพร้อมกันในช่วงเทศกาลวันหยุด
-- สมาคมธุรกิจยุโรป (AEB) เปิดเผยว่า ตลาดรถยนต์ของรัสเซียดิ่งลง 61.6% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก รวมทั้งอุปสงค์ที่ซบเซา
-- สมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมการบินจะมีกำไรสุทธิ 4.7 พันล้านดอลลาร์ในปีหน้า โดยจะมีผู้โดยสารมากกว่า 4 พันล้านราย อย่างไรก็ดี IATA คาดว่าอุตสาหกรรมการบินจะประสบภาวะขาดทุน 6.9 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้
-- ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ออกรายงานคาดการณ์ว่า ราคาทองจะพุ่งขึ้น 30% สู่ระดับ 2,250 ดอลลาร์/ออนซ์ในปีหน้า
-- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 3.4% ในไตรมาส 4 โดยสูงกว่าระดับ 2.8% ที่มีการเปิดเผยก่อนหน้านี้
-- นายทิม เดรเปอร์ นักลงทุนระดับมหาเศรษฐีพันล้าน คาดการณ์ว่า บิตคอยน์จะพุ่งขึ้นสู่ระดับ 250,000 ดอลลาร์ในกลางปี 2566 โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งจะขับเคลื่อนราคาต่อไป
-- นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ กล่าวเตือนว่าเงินเฟ้ออาจฉุดให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีหน้า
-- ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่เปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ออสเตรเลียเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3, จีนเปิดเผยยอดส่งออก, นำเข้า และดุลการค้าเดือนพ.ย., ธนาคารกลางอินเดียประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย, เยอรมนีเปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค., อังกฤษเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ย.จากฮาลิแฟกซ์, ฝรั่งเศสเปิดเผยดุลการค้าเดือนพ.ย., อียูเปิดเผย GDP ไตรมาส 3 (ประมาณการครั้งสุดท้าย), สหรัฐเปิดเผยผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยในไตรมาส 3/2564 (ประมาณการครั้งสุดท้าย) และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)