ผู้จัดการกองทุนชั้นนำระดับโลก ซึ่งรวมถึงแบล็คร็อค อิงค์, โกลด์แมน แซคส์ แอสเซท แมเนจเมนท์ และอมุนดิ เอสเอ (Amundi SA) ต่างก็คาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกจะฟื้นตัวขึ้นในปี 2566 เมื่อพิจารณาจากมุมมองที่ว่าอัตราเงินเฟ้อได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
การสำรวจดังกล่าวจัดทำโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์ก โดยพบว่า 71% ของผู้จัดการกองทุนที่ได้รับการสำรวจครั้งนี้เชื่อมั่นว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกจะฟื้นตัวในปี 2566 และมีเพียง 19% เท่านั้นที่คาดว่าตลาดหุ้นทั่วโลกจะอ่อนแรงลงในปีดังกล่าว
ผลสำรวจยังระบุด้วยว่า ผู้จัดการกองทุนส่วนใหญ่คาดว่าตลาดหุ้นทั่วโลกจะปรับตัวขึ้นโดยเฉลี่ย 10% ในปี 2566 ซึ่งสอดคล้องกับสถิติการฟื้นตัวโดยเฉลี่ยของดัชนี MSCI All-Country World Index อย่างไรก็ดี ตัวเลขดังกล่าวยังน้อยกว่าในปี 2552 และปี 2562 ที่ตลาดหุ้นทั่วโลกพุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 30% และ 20% ตามลำดับ
ผู้จัดการกองทุนที่เข้าร่วมการสำรวจต่างก็มองว่า ความเสี่ยงที่รุนแรงที่สุดต่อการฟื้นตัวของตลาดหุ้นทั่วโลกนั้น คือการที่อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งจะสร้างความวิตกกังวลให้กับนักลงทุน ขณะเดียวกันคาดว่านักลงทุนจะให้ความสนใจต่อเหตุการณ์สำคัญหลายเหตุการณ์ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนพ.ย.ของสหรัฐ รวมทั้งการประชุมนโยบายการเงินของเฟด และธนาคารกลางยุโรป (ECB)
ทั้งนี้ สหรัฐจะเปิดเผยดัชนี CPI ประจำเดือนพ.ย.ในวันพรุ่งนี้ (13 ธ.ค.) ขณะที่นักวิเคราะห์บางส่วนคาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ทั่วไปซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะขยายตัว 7.3% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนต.ค.ที่มีการขยายตัว 7.7% และจากนั้นในวันพุธที่ 14 ธ.ค. เฟดจะแถลงมติการประชุมนโยบายการเงิน ซึ่งคาดว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50%
ผู้จัดการกองทุนส่วนใหญ่ยังคาดการณ์ว่า นักลงทุนจะให้ความสนใจในหุ้นของบริษัทที่มีโมเดลธุรกิจที่ชัดเจนและมีสถานะการเงินที่สามารถรับมือกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวได้ นอกจากนี้ คาดว่าตลาดหุ้นจีนจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการผ่อนคลายนโยบายโควิดเป็นศูนย์