นางเคธี วูด ซีอีโอของบริษัท Ark Investment Management คาดการณ์ว่า หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มคุณค่า (Value Stocks) จะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการชะลอตัวของเงินเฟ้อ และในทางกลับกัน การปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มเติบโต (Growth Stocks) ขณะที่อุปสงค์ทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นเป็นวงกว้างกำลังกลายเป็นปัจจัยที่สร้างความวิตกกังวล
"ดิฉันเชื่อว่าประวัติศาสตร์จะแสดงให้เราเห็นว่าเศรษฐกิจได้เข้าสู่ภาวะถดถอยแล้วตลอดปีนี้" นางวูดกล่าว
การแสดงความเห็นดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการปรับเปลี่ยนมุมมองของนางวูด หลังจากที่ก่อนหน้านี้เธอไม่เห็นด้วยกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้หลังจากเงินเฟ้อพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี ซึ่งการปรับขึ้นดอกเบี้ยได้ส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมปรับตัวสูงขึ้นและส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในกลุ่มเติบโต
เมื่อวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา นางวูดได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยระบุว่า การที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงหลายครั้งเพื่อควบคุมเงินเฟ้อนั้น อาจจะเป็นการดำเนินการที่ผิดพลาด
ราคาหุ้น ARK Innovation Fund ร่วงลงเกือบ 63% ตั้งแต่ต้นปีนี้ ซึ่งทำผลงานย่ำแย่ที่สุดในบรรดาหุ้นกลุ่มเติบโตที่มีทุนจดทะเบียนปานกลางในสหรัฐ ตามข้อมูลของมอร์นิ่งสตาร์
ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานในตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นเกือบ 56% แล้วนับตั้งแต่ต้นปีนี้
ในช่วงกลางปี 2565 นางวูดได้ออกมายอมรับว่า เธอประเมินความรุนแรงและความยืดเยื้อของวิกฤตเงินเฟ้อต่ำเกินไป และเธอมองว่าขณะนี้ เศรษฐกิจสหรัฐได้เข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว
"ดิฉันคิดว่าขณะนี้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว โดยคาดว่าปัญหาใหญ่ก็คือสต็อกสินค้าคงคลังที่เพิ่มขึ้นอย่างที่ดิฉันไม่เคยเห็นมาก่อนตลอดชีวิตการทำงานหรือประมาณ 45 ปี ส่วนเงินเฟ้อพุ่งขึ้นรุนแรงกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากภาวะชะงักงันของห่วงโซ่อุปทานและความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์" นางวูดให้สัมภาษณ์ในรายการ "Squawk Box" ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ปีนี้
"สิ่งหนึ่งที่เราประเมินผิดพลาดก็คือเรื่องเงินเฟ้อ ซึ่งขณะนี้พุ่งขึ้นอย่างฉุดไม่อยู่ ส่วนปัญหาห่วงโซ่อุปทานนั้น แทบไม่น่าเชื่อว่าจะยืดเยื้อยาวนานกว่า 2 ปี และแน่นอนว่าการที่รัสเซียใช้กำลังทหารรุกรานยูเครนก็ก่อให้เกิดปัญหาตามมาอย่างที่เราคาดไม่ถึง" นางวูดกล่าว