World Today: ประเด็นข่าวต่างประเทศน่าติดตามวันนี้

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday December 15, 2022 09:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,966.35 จุด ลดลง 142.29 จุด หรือ -0.42%

-- คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี

ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดคาดว่าจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปี 2566 และจะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงปี 2567 โดยเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดสู่ระดับ 5.1% ในปีหน้า ก่อนที่จะสิ้นสุดวัฏจักรปรับขึ้นดอกเบี้ย โดยระดับดังกล่าวเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2550

-- นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยกับสื่อมวลชนภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินในวันพุธ (14 ธ.ค.) โดยระบุว่า เฟดจะไม่เปลี่ยนแปลงเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% และขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเฟดให้ความสำคัญกับการใช้นโยบายการเงินที่มีการคุมเข้มมากพอที่จะฉุดเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมายดังกล่าว

"ไม่ว่าเราจะอยู่ภายใต้สถานการณ์ใดก็ตาม เราจะไม่เปลี่ยนแปลงเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% เราจะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีอยู่เพื่อฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายที่ระดับดังกล่าว" นายพาวเวลกล่าวเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเฟดจะพิจารณาเปลี่ยนแปลงเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับสูงกว่า 2% หรือไม่

-- ราคาบิตคอยน์ร่วงลงสู่ระดับต่ำกว่า 18,000 ดอลลาร์ในช่วงเช้านี้ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ (14 ธ.ค.) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี พร้อมกับส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 0.75% ภายในสิ้นปี 2566

-- เฟดคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะมีการขยายตัว 0.5% ในช่วงสิ้นปีนี้ โดยเพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิมที่ 0.2% แต่ปรับลดคาดการณ์ในปี 2566 สู่ระดับ 0.5% จากเดิมที่ระดับ 1.2% และคาดว่าจะขยายตัว 1.6% และ 1.8% ในปี 2567 และ 2568 ตามลำดับ ขณะที่การขยายตัวในระยะยาวอยู่ที่ระดับ 1.8%

ขณะเดียวกัน เฟดคาดว่าอัตราว่างงานจะแตะระดับ 3.7% ในสิ้นปีนี้ ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ระดับ 3.8% และเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.6% ทั้งในปี 2566 และ 2567 ก่อนที่จะชะลอตัวลงสู่ระดับ 4.5% ในปี 2568 ขณะที่อัตราว่างงานระยะยาวอยู่ที่ 4.0%

เฟดคาดว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะแตะระดับ 4.8% ในสิ้นปีนี้ เพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิมที่ระดับ 4.5% และจะชะลอตัวสู่ระดับ 3.5%, 2.5% และ 2.1% ในปี 2566, 2567 และ 2568 ตามลำดับ

-- กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคานำเข้าปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันในเดือนพ.ย. โดยมีสาเหตุจากการปรับตัวลงของราคาพลังงาน รวมทั้งการแข็งค่าของดอลลาร์ และสนับสนุนมุมมองที่ว่าเงินเฟ้อได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ทั้งนี้ ดัชนีราคานำเข้าลดลง 0.6% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากลดลง 0.4% ในเดือนต.ค.

-- สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้น 10.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าลดลง 3.6 ล้านบาร์เรล

EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 426,000 บาร์เรล

-- รัฐบาลอินโดนีเซียประกาศให้เงินอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เป็นจำนวนเงินมากกว่า 5,000 ดอลลาร์ต่อคันเพื่อส่งเสริมการผลิตรถยนต์ EV ในประเทศ และเพื่อลดการปล่อยมลพิษในอากาศ

นายอากัส กูมิวัง คาร์ตาซัสมิตา รัฐมนตรีอุตสาหกรรมอินโดนีเซีย กล่าวว่า รัฐบาลจะชดเชยเงินจำนวน 80 ล้านรูเปียห์ (5,131 ดอลลาร์) หรือราว 177,000 บาทสำหรับการจำหน่ายรถยนต์ EV ทุกคัน รวมทั้งชดเชย 40 ล้านรูเปียห์สำหรับรถยนต์ hybrid และ 8 ล้านรูเปียห์สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า

-- สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองเพิ่มขึ้น 3.2% ในสัปดาห์ที่แล้ว แม้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองปรับตัวขึ้น

จำนวนผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการรีไฟแนนซ์เพิ่มขึ้น 3% ในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ดิ่งลง 85% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

-- กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ออกรายงานคาดการณ์การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันตลาดโลกในปีหน้า โดยได้ปัจจัยหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐและจีน

ทั้งนี้ ในรายงานภาวะตลาดน้ำมันประจำเดือนธ.ค. โอเปกระบุว่า อุปสงค์น้ำมันจะเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2566 สู่ระดับ 101.8 ล้านบาร์เรล/วัน โดยได้ปัจจัยหนุนจากภาวะผ่อนคลายด้านภูมิรัฐศาสตร์ และการที่จีนสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19

-- ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในวันนี้ เกาหลีใต้จะเปิดเผยราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนพ.ย., ญี่ปุ่นมีกำหนดเปิดเผยยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนพ.ย., ออสเตรเลียจะเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนพ.ย., จีนมีกำหนดเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย., ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย., การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนพ.ย. และอัตราว่างงานเดือนพ.ย., ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) แถลงมติอัตราดอกเบี้ย, ธนาคารกลางยุโรป (ECB) แถลงมติอัตราดอกเบี้ย และสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนพ.ย., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนธ.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, ดัชนีการผลิตเดือนธ.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนต.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ