สำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) ของจีนรายงานในวันนี้ (15 ธ.ค.) ว่า การผลิตเหล็กในเดือนพ.ย.ของจีนอยู่ที่ระดับ 74.5 ล้านตัน ลดลง 6.5% จากเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในปีนี้ เนื่องจากโรงถลุงเหล็กต่างพากันปรับลดการผลิตเพื่อลดความเสียหายจากการขาดทุนและอุปสงค์ที่ชะลอตัวลง
ส่วนในช่วง 11 เดือนแรกของปีนี้ การผลิตเหล็กของจีนลดลง 1.4% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว หลังจากรัฐบาลจีนสั่งการให้โรงถลุงเหล็กจำกัดการปล่อยมลพิษ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การที่จีนใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วประเทศ รวมทั้งวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาดอสังหาริมทรัพย์ และการที่จีนเริ่มควบคุมมลภาวะในช่วงฤดูหนาวนั้น เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้การผลิตเหล็กของจีนชะลอตัวลงในเดือนพ.ย. และอาจทำให้การผลิตรายปีลดลงติดต่อกันเป็นปีที่ 2
ราคาแร่เหล็กพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่าจีนจะเปิดประเทศ อย่างไรก็ดี คาดว่าการฟื้นตัวของปริมาณการใช้เหล็กในขั้นสุดท้าย (end use) จะขึ้นอยู่กับมาตรการกระตุ้นของรัฐบาลและการสร้างเสถียรภาพในตลาดอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งความสามารถในการควบคุมการแพร่ระบาดรอบใหม่ของโรคโควิด-19