บริษัททวิตเตอร์ประกาศเมื่อวานนี้ (18 ธ.ค.) ว่าจะไม่อนุญาตให้ผู้ใช้งานทวิตเตอร์ทำการโฆษณาบัญชีโซเชียลมีเดียรายอื่น ๆ บนแพลตฟอร์มทวิตเตอร์อีกต่อไป
-- บรรดาผู้นำระดับสูงของจีนเปิดเผยว่าจะมุ่งความสนใจไปที่การกระตุ้นเศรษฐกิจในปีหน้า โดยส่งสัญญาณว่าจะสนับสนุนตลาดอสังหาริมทรัพย์เพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันก็มีแนวโน้มจะลดการใช้มาตรการกระตุ้นทางการคลัง
-- ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐกำลังถูกกดดันอย่างหนักจากสมาชิกวุฒิสภาทั้งจากพรรคเดโมเครตและพรรครีพับลิกัน เพื่อให้ดำเนินการจัดการกรณีผู้อพยพระลอกใหม่ที่คาดว่าจะมารวมตัวกันริมเขตชายแดนทางตอนใต้เพื่อขอลี้ภัยเข้าประเทศ หลังจากนโยบายจัดการผู้ลี้ภัยที่ประกาศใช้ตั้งแต่ช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ใกล้สิ้นสุดลงในสัปดาห์นี้
-- เวิลด์ อีโคโนมิกส์ (World Economics) เปิดเผยผลสำรวจแสดงให้เห็นว่า ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจจีนร่วงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เริ่มจัดทำแบบสำรวจในเดือนม.ค. 2556 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบของจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นที่มีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และชี้ให้เห็นว่าอาจเกิดเศรษฐกิจถดถอยในปีหน้า
-- รัฐบาลไต้หวันเตรียมสั่งปรับฟ็อกซ์คอนน์ บริษัทผลิตอิเล็กทรอนิกส์สัญญาจ้างรายใหญ่ที่สุดของโลกจากไต้หวัน เนื่องจากลงทุนในธุรกิจผลิตชิปของจีนโดยไม่ได้รับอนุญาต
-- นางเพนนี หว่อง รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศออสเตรเลีย จะเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งของจีนในวันพรุ่งนี้ (20 ธ.ค.) นับเป็นนักการทูตระดับสูงสุดของออสเตรเลียที่เดินทางเยือนประเทศจีน นับตั้งแต่ปี 2561 และเป็นสัญญาณสำคัญที่แสดงถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองชาติ
-- หน่วยบริหารด้านการทหารประจำกรุงเคียฟ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของยูเครน ระบุผ่านเทเลแกรมว่า รัสเซียได้ส่งโดรนชาเฮดจำนวน 9 ลำซึ่งผลิตที่อิหร่าน เข้าโจมตีกรุงเคียฟในช่วงเช้านี้ แต่ถูกทหารในกรุงเคียฟยิงตก
-- ผลการศึกษาจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐพบว่า การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นสูตรป้องกันโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนโดยเฉพาะ มีประสิทธิภาพป้องกันการป่วยเข้าโรงพยาบาล 84% ในกลุ่มคนอายุ 65 ปีขึ้นไป เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน
-- กลุ่มบริษัทประกันภัยเริ่มปฏิเสธหรือจำกัดความคุ้มครองแก่ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากการล้มละลายของเอฟทีเอ็กซ์ (FTX) โดยจะไม่รับประกันความเสียหายใด ๆ จากการถูกแฮก โจรกรรม หรือการดำเนินคดีทางกฎหมาย
-- สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างอิงข้อมูลจากผู้จัดการกองทุนและอุตสาหกรรมการเงิน ระบุว่า กลุ่มเศรษฐีชาวจีนหันหลังให้กับการถือครองสินทรัพย์ในประเทศ และหันไปมองหาสินทรัพย์ในสหรัฐและต่างประเทศเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นกระแสที่จะมาแรงในปี 2566