ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 300 จุดในวันพุธ (28 ธ.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากหลายปัจจัย ซึ่งรวมถึงความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย, ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในจีน และสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่มีแนวโน้มยืดเยื้อไปจนถึงปี 2566
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,875.71 จุด ร่วงลง 365.85 จุด หรือ -1.10%
-- ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐออกแถลงการณ์ในวันพุธ (28 ธ.ค.) ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐจะกำหนดให้ผู้โดยสารเครื่องบินที่เดินทางมาจากประเทศจีนจะต้องแสดงผลตรวจเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี PCR เป็นลบ โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค. 2566
ทั้งนี้ สหรัฐดำเนินการตามทิศทางเดียวกับประเทศอื่น ๆ เช่นอินเดีย อิตาลี ญี่ปุ่น และไต้หวันที่ได้ประกาศข้อกำหนดดังกล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ หลังจากที่จีนประกาศเปิดประเทศทั้งขาเข้าและขาออก ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่า โรคโควิด-19 จะแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดในจีนยังคงย่ำแย่
-- นายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลินกล่าวว่า รัสเซียไม่สามารถยอมรับแผนการสันติภาพทั้ง 10 ข้อของประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน
นอกจากนี้ นายเพสคอฟกล่าวว่า ข้อเสนอที่จะยุติความขัดแย้งในยูเครนจะต้องพิจารณารวมถึงความเป็นจริงในปัจจุบันจากการที่ 4 แคว้นของยูเครนได้ผนวกรวมเข้ากับรัสเซียแล้ว
-- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาริชมอนด์เปิดเผยในวันพุธ (28 ธ.ค.) ว่า ดัชนีภาคการผลิตปรับตัวขึ้นสู่ระดับ +1 ในเดือนธ.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ -10 จากระดับ -9 ในเดือนพ.ย.
ดัชนีอยู่สูงกว่าระดับ 0 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะขยายตัวของภาคการผลิตในเขตริชมอนด์ โดยได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของการจ้างงานและคำสั่งซื้อใหม่
-- ผลการสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อของตุรกีจะร่วงลงสู่ระดับ 66.8% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี
ทั้งนี้ เงินเฟ้อของตุรกีพุ่งแตะ 85.5% ในเดือนต.ค.ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 24 ปี หลังจากปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 17 เดือน
-- สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน โดยลดลง 4.0% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีลดลงเพียง 0.8%
เมื่อเทียบรายปี ดัชนีทรุดตัวลง 37.8% ในเดือนพ.ย.
-- สื่อรายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวจากกระทรวงสาธารณสุขของอินเดียระบุว่า รัฐบาลอินเดียเตรียมประกาศให้ผู้ที่เดินทางมาจากไทย จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และเกาหลีใต้ จะต้องแสดงผลตรวจโควิด-19 แบบ PCR ที่เป็นลบ ก่อนเดินทางเข้าประเทศ โดยคาดว่ามาตรการดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ การคุมเข้มดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่อินเดียตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ถึง 39 รายจากการสุ่มตรวจนักเดินทางราว 6,000 รายที่สนามบินทั่วประเทศในช่วง 2 วันที่ผ่านมา
-- นักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในเดือนก.พ.2566 ซึ่งเป็นการประชุมนโยบายการเงินนัดแรกของเฟดในปีหน้า หลังจากที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ในปีนี้เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 70% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ.2566 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ให้น้ำหนักเพียง 27%
-- สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สำนักงานศุลกากรของจีนแถลงเมื่อวานนี้ว่า จีนจะยกเลิกข้อกำหนดที่ระบุให้ผู้ที่จะเดินทางเข้าจีนต้องได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบ PCR โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.2566
อย่างไรก็ดี สำนักข่าวทาสส์ของทางการรัสเซียรายงานเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่จีนจะยกเลิกการตรวจ PCR ที่จุดผ่านแดน แต่ผู้ที่จะเดินทางเข้าจีนยังคงต้องแสดงผลตรวจ PCR ที่เป็นลบซึ่งมีการตรวจก่อนการเดินทางเป็นเวลา 48 ชั่วโมง พร้อมกับแสดงใบรับรองสุขภาพ
-- ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในวันนี้ เกาหลีใต้จะเปิดเผยข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. และยอดค้าปลีกเดือนพ.ย., สิงคโปร์มีกำหนดเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย. และสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA)