ผลสำรวจของเกียวโดนิวส์ที่เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (2 ม.ค.) บ่งชี้ให้เห็นว่า มีเพียงบริษัทขนาดใหญ่ในญี่ปุ่นประมาณครึ่งหนึ่งเท่านั้นที่คาดว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะเติบโตในปี 2566 โดยอ้างเหตุผลจากราคาทรัพยากรธรรมชาติและวัตถุดิบที่พุ่งสูงขึ้น อันเนื่องจากสงครามยูเครนและสกุลเงินเยนที่อ่อนค่า
ผลการสำรวจบริษัทรายใหญ่ 117 แห่งซึ่งรวมถึงโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป และซอฟต์แบงก์ กรุ๊ป คอร์ปนั้น บริษัท 65 แห่ง หรือ 56% คาดว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะขยายตัวอย่างแข็งแกร่งหรือปานกลางในปีนี้ ซึ่งลดลงอย่างมากจากระดับ 84% ของปีที่ผ่านมา
บริษัทโดยรวมคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวที่ระดับต่ำที่สุดเป็นอันดับ 2 ในรอบ 10 ปีของการสำรวจ โดยบริษัทต่าง ๆ ยังคงระมัดระวังเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและจีนในปี 2566
ในการสำรวจซึ่งจัดทำขึ้นระหว่างปลายเดือนพ.ย. - ถึงกลางเดือนธ.ค. 2565 นั้น บริษัท 40 แห่ง หรือ 34% เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจะทรงตัว ขณะที่อีก 7 แห่งคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะหดตัวในระดับปานกลาง และไม่มีบริษัทใดเชื่อว่า เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย
นอกจากนี้ 92% ของบริษัทที่คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวนั้นระบุถึงการฟื้นตัวของการใช้จ่ายของผู้บริโภค หลังร่วงลงเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ทั้งนี้ 70% ของบริษัทที่คาดว่าเศรษฐกิจจะไม่เติบโตนั้นระบุเหตุผลว่า เนื่องจากราคาทรัพยากรธรรมชาติและวัตถุดิบที่สูงขึ้น ขณะที่ 45% คาดว่าการบริโภคส่วนบุคคลจะซบเซา และ 40% ระบุถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั้งในสหรัฐและจีน