นางศรี มูลยานี อินทราวาตี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอินโดนีเซียเปิดเผยในวันนี้ (3 ม.ค.) ว่า อินโดนีเซียขาดดุลงบประมาณ 464.3 ล้านล้านรูเปียห์ในปี 2565 หรือคิดเป็นสัดส่วน 2.38% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ซึ่งต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์เอาไว้เบื้องต้นอย่างมาก
สำนักข่าวแชนแนลนิวส์เอเชียรายงานว่า แรกเริ่มเดิมทีแล้วรัฐบาลอินโดนีเซียตั้งเป้าการขาดดุลงบประมาณไว้ที่ 4.85% ของ GDP แต่รายได้ภาครัฐที่เพิ่มสูงขึ้น โดยได้แรงหนุนจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้น และการผ่อนคลายมาตรการสกัดโรคโควิด-19 เมื่อปีที่แล้ว ทำให้รัฐบาลต้องปรับลดคาดการณ์ขาดดุลงบประมาณหลายครั้ง
นอกจากนี้ ตัวเลขขาดดุลงบประมาณล่าสุดนี้ยังต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์เอาไว้เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2565 โดยเวลานั้น นายโจโก วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซียคาดการณ์ว่า รัฐบาลจะขาดดุลงบประมาณที่ 2.49%
อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ มีรายได้ 2,626.4 ล้านล้านรูเปียห์ในปี 2565 เพิ่มขึ้น 30.6% จากปี 2564 และสูงกว่าที่ตั้งเป้าไว้ประมาณ 16%
ส่วนการใช้จ่ายของรัฐบาลอยู่ที่ 3,090.8 ล้านล้านรูเปียห์ ซึ่งต่ำกว่าที่เคยวางแผนไว้เล็กน้อย และเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 11%
นางศรี มูลยานีระบุว่า เศรษฐกิจอินโดนีเซียมีแนวโน้มขยายตัว 5.2% ในปีที่แล้ว หลังเติบโต 3.7% ในปี 2564 ขณะที่ปีนี้ รัฐบาลตั้งเป้าการขยายตัวของ GDP ไว้ที่ 5.3%