ธนาคารโลกออกรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกเมื่อวันอังคาร (10 ม.ค.) โดยระบุว่า เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา หรือ EMDE ชะลอตัวลงอย่างหนักในปี 2565 โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของปี เนื่องจากภาวะทางการเงินที่ตึงตัวขึ้นทั่วโลกและผลกระทบจากกรณีที่รัสเซียรุกรานยูเครน
ขณะเดียวกัน เงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นได้บั่นทอนการบริโภคภาคเอกชน ส่วนอุปสงค์ต่างประเทศที่อ่อนแอถ่วงภาคส่งออกของกลุ่ม EMDE
ทั้งนี้ ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า หลังจากที่เศรษฐกิจกลุ่ม EMDE ชะลอตัวอย่างหนักในปี 2565 โดยมีการขยายตัวที่ 3.4% เมื่อเทียบกับการขยายตัวที่ 6.7% ในปี 2564 นั้น เศรษฐกิจในปีนี้ก็มีแนวโน้มทรงตัว แต่อย่างไรก็ตาม หากไม่นับรวมจีนแล้ว เศรษฐกิจกลุ่ม EMDE มีแนวโน้มที่จะชะลอตัวอย่างรุนแรง
ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า ผลกระทบจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงในยูโรโซนและสหรัฐจะบั่นทอนกิจกรรมของกลุ่มประเทศ EMDE โดยเฉพาะประเทศที่เศรษฐกิจเชื่อมโยงกับประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เช่น ยุโรปและเอเชียกลาง ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน รวมถึงซับซาฮาราแอฟริกา
รายงานระบุว่า เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศ EMDE มีแนวโน้มย่ำแย่ลงในปี 2566 โดยธนาคารโลกได้ลดคาดการณ์การเติบโตลง 0.8% สู่ 3.4% โดยส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ต่างประเทศที่อ่อนแอลงและภาวะการเงินที่ตึงตัวขึ้น
เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เศรษฐกิจ EMDE มีแนวโน้มยังคงทรงตัวในปีนี้ เนื่องจากได้รับการชดเชยจากเศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มขยายตัวแข็งแกร่งยิ่งขึ้น แต่หากไม่นับรวมจีนแล้ว เศรษฐกิจ EMDE มีแนวโน้มเติบโตชะลอตัวลงอย่างมากจาก 3.8% ในปี 2565 สู่ 2.7% ในปีนี้ เนื่องจากอุปสงค์ต่างประเทศที่ทรุดตัวลงอย่างชัดเจน ผสมผสานกับปัญหาเงินเฟ้อสูง ภาวะการเงินตึงตัว และอุปสรรคในประเทศอื่น ๆ
ในส่วนของเศรษฐกิจไทยนั้น ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าจะขยายตัว 3.6% ในปีนี้ ลดลง 0.7% จากคาดการณ์เดิมในเดือนมิ.ย. และคาดว่าจะเติบโต 3.7% ในปี 2567 ลดลง 0.2% จากคาดการณ์เดิมในเดือนมิ.ย.
อนึ่ง ธนาคารโลกคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ที่ระดับ 1.7% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 30 ปี หากไม่นับปี 2552 และ 2563 ซึ่งเศรษฐกิจโลกเผชิญภาวะถดถอย โดยก่อนหน้านี้ ธนาคารโลกออกรายงานในเดือนมิ.ย. 2565 คาดว่า เศรษฐกิจโลกจะมีการขยายตัว 3.0% ในปี 2566