เฟรเดอริก นอยมานน์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคเอเชียของเอชเอสบีซี โฮลดิงส์ กล่าวว่า การเปิดประเทศของจีนจะเป็นแรงกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก โดยจีนซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับสองของโลกนั้น การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของยอดการใช้จ่ายในภาคครัวเรือนและการลงทุนจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยพยุงการค้าโลก โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่อุปสงค์ในกลุ่มชาติตะวันตกเผชิญกับความไม่แน่นอน
แรงกระตุ้นในการเติบโตดังกล่าวจะเห็นได้ในภาคการบริการ เช่น การบิน การท่องเที่ยว และการศึกษา เนื่องจากประชาชนชาวจีนแพคกระเป๋าเดินทางออกนอกประเทศเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดโรคโควิด-19 โดยประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่พึ่งพาการท่องเที่ยวนั้น มีแนวโน้มว่าจะเป็นกลุ่มแรกที่ชาวจีนเดินทางไปท่องเที่ยว ขณะเดียวกันกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วก็จะได้ประโยชน์จากการกลับมาของนักท่องเที่ยวชาวจีนด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จีนคาดว่าจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศในช่วงสิ้นเดือนมี.ค.นี้ จะดีดตัวขึ้แตะระดับ 15 - 25% ของช่วงก่อนที่โรคโควิด-19 จะแพร่ระบาด
ทีมนักวิเคราะห์ของบาร์เคลย์สซึ่งรวมถึงเจียน ชาง คาดการณ์ว่า การท่องเที่ยวขาออกจากจีนจะเพิ่มสูงขึ้น โดยบาร์เคลย์สระบุข้อมูลจากซีทริป อินเตอร์แนชั่นแนล (Ctrip International) ว่า ชาวจีนมีการจองตั๋วเครื่องบินเพื่อเดินทางไปต่างประเทศในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้พุ่งขึ้น 260% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยประเทศที่พัฒนาแล้วอย่าง สหรัฐ สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย รวมอยู่ในกลุ่มประเทศที่จะได้รับผลประโยชน์จากการท่องเที่ยวของชาวจีน
ขณะเดียวกันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนจะเป็นปัจจัยหนุนความต้องการสินค้านำเข้าจากต่างประเทศให้แข็งแกร่งขึ้น โดยเอสแอนด์พี โกลบอล คาดการณ์ว่ายอดค้าปลีกของจีนจะเติบโตขึ้น 5.8% ในปี 2566