โกลด์แมน แซคส์-ยูบีเอสคาดราคาสินทรัพย์โลกพุ่ง รับอานิสงส์จีนเปิดประเทศ

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday January 17, 2023 13:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกต่างขานรับเมื่อจีนหันกลับมาผลักดันนโยบายสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2565 ขณะที่บางรายมองว่ายังไม่สายเกินไปที่จะเข้าซื้อหุ้นจีนที่กำลังพุ่งขึ้น

ตลาดหุ้นจีนมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นอีก 20%, ราคาน้ำมันจะพุ่งขึ้นทะลุ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล และราคาทองแดงอาจทะลุ 10,000 ดอลลาร์ เนื่องจากการบริโภคฟื้นตัวในจีน นี่เป็นเพียงบางส่วนจากการคาดการณ์ของนักกลยุทธ์และผู้จัดการด้านการเงิน โดยหุ้นในตลาดเกิดใหม่และสกุลเงินเอเชียบางสกุลมีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์เช่นกัน

รายงานระบุว่า การกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจอีกครั้งของจีนจะกระตุ้นให้มีการใช้จ่ายเงินออมส่วนเกินมากกว่า 8.36 แสนล้านดอลลาร์ และอาจช่วยคลายวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก เนื่องจากธนาคารกลางอื่น ๆ ยังคงดำเนินนโยบายการเงินแบบคุมเข้มต่อไป อย่างไรก็ตาม นักกลยุทธ์และผู้จัดการด้านการเงินบางรายเตือนว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยังคงเป็นผู้กำหนดหลักของตลาดการเงินและเศรษฐกิจโลก

พาราส อนันด์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านการลงทุนของอาร์ทิมิส อินเวสเมนท์ แมเนจเม้นท์ ระบุว่า "เราอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการฟื้นตัวในแง่ของราคาสินทรัพย์" พร้อมเสริมว่า "การฟื้นตัวหรือการที่เศรษฐกิจจีนกลับสู่ภาวะปกติจะส่งผลบวกต่อการเติบโตทั่วโลก"

หุ้นจีนอาจเอาชนะหุ้นทั่วโลกในปี 2566 โดยมอร์แกน สแตนลีย์ และโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ปคาดการณ์ว่า ดัชนี MSCI China จะเพิ่มขึ้นราวกว่า 10% ขณะที่ซิตี้ โกลบอล เวลท์ แมเนจเม้นท์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 20%

ขณะเดียวกัน ธนาคารรายอื่น ๆ คาดว่าหุ้นเอเชียจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน แม้ว่าดัชนีหุ้นจะเข้าสู่ภาวะตลาดกระทิง (Bull Market) แล้วก็ตาม ประเทศผู้ส่งออก เช่นเกาหลีใต้ และไต้หวัน จะได้รับประโยชน์ เช่นเดียวกับเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวจีน โดยเฉพาะประเทศไทย ธนาคารบีเอ็นพี พารีบาส์ คาดการณ์ดัชนี MSCI Emerging Markets จะเพิ่มขึ้นแตะ 1,110 จนถึงสิ้นปี

ธนาคารดอยซ์แบงก์คาดว่า หุ้นเอเชียจะเพิ่มขึ้น 20% ในปี 2566 เนื่องจากปัญหาต่าง ๆ คลี่คลายลง

ส่วนธนาคารเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ระบุว่า ยอดส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์จากอินโดนีเซีย ไทย และเวียดนามจะเพิ่มขึ้นเช่นกัน หลังจากที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้ามาแทนที่สหภาพยุโรป (EU) ในฐานะคู่ค้าอันดับต้นของจีนในปี 2563

ขณะเดียวกัน ยูบีเอส โกลบอล เวลท์ แมเนจเม้นท์ระบุว่า ค่าเงินหยวนที่ซื้อขายในประเทศเพิ่มขึ้นประมาณ 7% นับตั้งแต่จีนเริ่มผ่อนปรนมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อเดือนพ.ย. และอาจแข็งค่าแตะ 6.50 หยวนต่อดอลลาร์ในปีนี้จากระดับ 6.72 ในปัจจุบัน ขณะที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจพุ่งสูงกว่าแนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลัง

ทั้งนี้ มาตรวัดความสัมพันธ์ระยะเวลา 60 วันระหว่างสกุลหยวนและสกุลเงินในตลาดเกิดใหม่นั้น เพิ่มขึ้นเป็น 0.70 ซึ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน การกลับมาเปิดประเทศอาจเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อค่าเงินบาทของไทยและเงินวอนของเกาหลีใต้ ซึ่งทั้ง 2 ประเทศได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยวของจีน ส่วนสกุลเงินเปโซของชิลีจะปรับตัวขึ้นท่ามกลางอุปสงค์ทองแดงที่พุ่งขึ้นจากจีน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ