กระทรวงการคลังเปิดเผยข้อมูลในวันนี้ (19 ม.ค.) บ่งชี้ว่า การส่งออกของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 11.5% ในเดือนธ.ค.จากปีก่อนหน้า ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 20.6% ส่งผลให้ญี่ปุ่นขาดดุลการค้ามูลค่า 1.45 ล้านล้านเยน (1.127 หมื่นล้านดอลลาร์)
นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ในผลสำรวจของรอยเตอร์ว่า การส่งออกและการนำเข้าอาจเพิ่มขึ้น 10.1% และ 22.4% เมื่อเทียบเป็นรายปีตามลำดับ และคาดว่าญี่ปุ่นอาจขาดดุลการค้า 1.65 ล้านล้านเยน
ตลอดทั้งปี 2565 ญี่ปุ่นขาดดุลการค้าประจำปีมากสุดที่ 19.97 ล้านล้านเยน (1.5527 แสนล้านดอลลาร์) เนื่องจากราคาพลังงานและวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น พร้อมกับค่าเงินเยนที่ร่วงลงอย่างรวดเร็วนั้น ทำให้ต้นทุนการนำเข้าสูงขึ้น
มูลค่าการนำเข้าพุ่งขึ้น 39.2% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 118.16 ล้านล้านเยนในปี 2565 เทียบกับการส่งออกที่เติบโต 18.2% แตะ 98.19 ล้านล้านเยน ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์เช่นกัน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การขาดดุลการค้าได้ตอกย้ำความเปราะบางของญี่ปุ่นซึ่งขาดแคลนทรัพยากร โดยต้องพึ่งพาการนำเข้าเพื่อตอบสนองความต้องการภายในประเทศ
นอกจากนี้ การที่เงินเยนอ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 30 ปีเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น ได้ส่งผลกระทบที่รุนแรงยิ่งขึ้น และลดความมั่งคั่งของประเทศ