ผลสำรวจรายเดือนของรอยเตอร์บ่งชี้ว่า บริษัทญี่ปุ่นมากกว่าครึ่งวางแผนที่จะจะปรับขึ้นค่าจ้างในปีนี้ ซึ่งเป็นไปตามข้อเรียกร้องหลักของนายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เพื่อช่วยเหลือแรงงานในการรับมือกับราคาผู้บริโภคที่พุ่งสูงขึ้น
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานในวันนี้ (19 ม.ค.) ว่า รัฐบาลของนายคิชิดะได้ออกมาเรียกร้องหลายต่อหลายครั้งให้บริษัทต่าง ๆ พยายามอย่างเต็มที่ในการปรับขึ้นเงินเดือนพนักงาน ซึ่งไม่สามารถตามทันอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเร็วสุดในรอบ 40 ปี โดยการผลักดันดังกล่าวเพิ่งได้รับการตอบรับเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อฟาสต์ รีเทลลิง (Fast Retailing) บริษัทแม่ของยูนิโคล่ (Uniqlo) ประกาศจะขึ้นค่าจ้างมากถึง 40%
ก่อนที่จะถึงการเจรจาด้านแรงงาน "ชุนโตะ" (Shunto) ในฤดูใบไม้ผลินั้น พบว่า ผู้จัดการบริษัท 24% ในโพลสำรวจกล่าวว่า พวกเขาวางแผนจะปรับฐานเงินเดือนให้สูงขึ้นไปพร้อม ๆ กับปรับขึ้นค่าจ้างตามกำหนดปกติ ขณะที่ 29% ระบุว่า จะปรับขึ้นค่าจ้างตามกำหนดปกติเท่านั้น ส่วนอีก 38% นั้นยังไม่ได้ตัดสินใจ
นายมาซายูกิ คูโบตะ ประธานฝ่ายกลยุทธ์ของราคูเท็น ซีเคียวริตีส์ (Rakuten Securites) บริษัทด้านการเงินและการลงทุนของญี่ปุ่น กล่าวว่า "นายกรัฐมนตรีคิชิดะเอาแต่พูดว่า ขึ้นค่าจ้าง ขึ้นค่าจ้าง แต่การตัดสินใจขึ้นค่าจ้างไม่ได้เกิดขึ้นเพราะคำพูดของนายกรัฐมนตรีหรือประธานาธิบดี แต่เกิดขึ้นเพราะบริษัทต้องการทรัพยากรบุคคลที่ดีขึ้นเพื่อบรรลุศักยภาพในการเติบโต"
ทั้งนี้ บริษัท 34% ในผลสำรวจระบุว่าพวกเขาวางแผนจะขึ้นค่าจ้างอย่างน้อย 3% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากจำนวนบริษัท 10% ในผลสำรวจของรอยเตอร์เมื่อเดือนต.ค. 2565