ทีมนักวิเคราะห์ของธนาคารบาร์เคลย์สได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นบริษัทผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวเซส (เอเอ็มดี), ควอลคอม อิงค์ และซีเกท เทคโนโลยี โฮลดิ้งส์ โดยเชื่อว่าราคาหุ้นกลุ่มผลิตชิปจะไม่หวนกลับไปทรุดตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบหลายปีเหมือนที่เกิดขึ้นในช่วง 3 เดือนที่แล้ว
ทั้งนี้ บาร์เคลย์ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าวสู่ระดับ "overweight" จากเดิมที่ระดับ "equal weight" ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนดัชนีหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟียของสหรัฐ (Philadelphia SE Semiconductor) พุ่งขึ้น 5% ในวันจันทร์ (23 ม.ค.) ซึ่งเป็นปรับตัวขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย. 2565
ดัชนี Philadelphia SE Semiconductor พุ่งขึ้นไปแล้วกว่า 30% จากระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปีที่ทำไว้ในช่วงกลางเดือนต.ค. 2565 แซงหน้าดัชนี Nasdaq อยู่ประมาณ 10% ในช่วงเวลาเดียวกัน
"เรามีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นต่อบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับดาต้าเซ็นเตอร์, คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) และอุปกรณ์มือถือ การเปิดประเทศของจีนจะเป็นปัจจัยสำคัญในปี 2566 และจะช่วยหนุนอุตสาหกรรมการผลิตชิปในช่วงครึ่งหลังของปีนี้" นักวิเคราะห์ของบาร์เคลย์สกล่าว
นักวิเคราะห์ระบุว่า บริษัทชิปหลายแห่งเช่นเอเอ็มดี และอินวิเดีย มีแนวโน้มที่จะได้ประโยชน์จากการที่เมตา แพลตฟอร์มทุ่มเงินลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อสร้างธุรกิจเมตาเวิร์ส
นอกจากนี้ อินวิเดียยังเป็นหุ้นที่นักลงทุนในวอลล์สตรีทเชื่อว่าจะได้ประโยชน์จากกระแสความนิยมใน ChatGPT เนื่องจากอินวิเดียเป็นเจ้าตลาดในการผลิตชิปสำหรับกราฟิกที่ถูกออกแบบเพื่อรองรับงานด้านคอมพิวติงที่มีความซับซ้อน และจำเป็นสำหรับการผลิตปัญญาประดิษฐ์ (AI)