นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศสมาชิกสภาความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC) ในปี 2566 จะขยายตัวเพียงครึ่งหนึ่งของปี 2565 เนื่องจากรายได้จากน้ำมันได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลก
ราคาน้ำมันดิบ ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนหลักสำหรับเศรษฐกิจกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ ปรับตัวลดลงมากกว่า 1 ใน 3 จากระดับสูงสุดที่ทำไว้ในปีที่ผ่านมา และคาดว่าราคาน้ำมันจะยังคงถูกกดดันต่อเนื่องในปีนี้ ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยในประเทศขนาดใหญ่จะบั่นทอนความต้องการใช้น้ำมัน
ผลการสำรวจซึ่งจัดทำขึ้นเมื่อวันที่ 9-23 ม.ค. ระบุว่า การขยายตัวของเศษฐกิจใน 6 ประเทศของกลุ่ม GCC โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 3.3% และ 2.8% ในปี 2566 และ 2567 ตามลำดับ ซึ่งปรับตัวลดลงจากผลการสำรวจครั้งก่อนซึ่งอยู่ที่ 4.2% และ 3.3% โดย 6 ประเทศของกลุ่ม GCC ประกอบด้วย ซาอุดีอาระเบีย คูเวต โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) กาตาร์ และบาห์เรน
กาตีจา เฮก หัวหน้าฝ่ายวิจัยและหัวหน้านักวิเคราะห์ของเอมิเรตส์ เอ็นบีดี กล่าวว่า "เศรษฐกิจของประเทศกลุ่ม GCC ในปี 2566 มีแนวโน้มซบเซาลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่อ่อนแอ แม้ว่า GCC อาจจะทำผลงานได้ดีกว่าหลายประเทศในกลุ่มที่พัฒนาแล้ว ในแง่การเติบโตของตัวเลข GDP"
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์โดยเฉลี่ยในปี 2566 จะอยู่ที่ 89.37 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนพ.ย.ที่ระดับ 93.65 ดอลลาร์ และต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 99 ดอลลาร์/บาร์เรลของปี 2565