บริษัทไมโครซอฟท์เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 2 ของปีงบการเงิน 2566 อยู่ที่ 2.32 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของรีฟินิทิฟ (Refinitiv) คาดการณ์ไว้ที่ 2.29 ดอลลาร์ โดยได้แรงหนุนจากความแข็งแกร่งของธุรกิจแอเชอร์ (Azure) ซึ่งเป็นบริการคลาวด์ของไมโครซอฟท์
ทั้งนี้ ธุรกิจแอเชอร์มียอดขายพุ่งขึ้น 38% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าอาจจะเพิ่มขึ้น 37% โดยยอดขายดังกล่าวไม่นับรวมผลกระทบที่เกิดจากความผันผวนของค่าเงิน
อย่างไรก็ดี รายได้โดยรวมของไมโครซอฟท์อยู่ที่ 5.275 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ของปีงบการเงิน 2566 ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 5.294 หมื่นล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกันไมโครซอฟท์คาดการณ์ว่า รายได้ในไตรมาส 3 ของปีงบการเงิน 2566 จะขยายตัวราว 3% สู่ระดับ 5.05-5.15 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่ตัวเลขดังกล่าวยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 5.243 หมื่นล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์คาดว่า การเติบโตของรายได้ในธุรกิจแอเชอร์จะชะลอตัวลงในไตรมาส 3 ของปีงบการเงิน 2566 และเตือนว่ายอดขายซอฟต์แวร์สำหรับผู้ประกอบการจะชะลอตัวลงอีกในไตรมาส 3 ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าวส่งผลให้เกิดความกังวลว่า ความต้องการผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟท์จะชะลอตัวลง หลังจากที่เคยเป็นแรงขับเคลื่อนรายได้ของบริษัทในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ราคาหุ้นไมโครซอฟท์ร่วงลงกว่า 1% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กช่วงเช้านี้
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ประกาศว่าจะปรับลดพนักงานในอัตราส่วน 5% หรือประมาณ 11,000 ตำแหน่ง เพื่อรับมือกับภาวะอุปสงค์ชะลอตัวและเศรษฐกิจที่ส่งสัญญาณถดถอย
ส่วนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (23 ม.ค.) ไมโครซอฟท์ประกาศว่าจะทุ่มเม็ดเงินหลายพันล้านดอลลาร์ เพื่อลงทุนในบริษัทโอเพ่นเอไอ (OpenAI) ซึ่งเป็นผู้ผลิตแชตจีพีที (ChatGPT) โปรแกรมแชตบอตเอไอสุดล้ำ โดยคาดว่ามูลค่าการลงทุนครั้งนี้จะสูงถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์