ธนาคารโลกระบุในรายงานที่เผยแพร่วันนี้ (30 ม.ค.) ว่า เศรษฐกิจของเมียนมาน่าจะเติบโต 3% ในปีงบประมาณที่สิ้นสุดในเดือนก.ย. ซึ่งต่ำกว่าระดับที่เคยทำได้ก่อนรัฐบาลทหารมายึดครองเมื่อ 2 ปีก่อน
ธนาคารโลกเปิดเผยในรายงานหัวข้อ "Myanmar Economic Monitor: Navigating Uncertainty" ว่า เมียนมามีความผันผวนอย่างมากในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ในขณะที่ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนยังคงส่งผลกระทบต่อแนวโน้มในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอ่อนค่าของอัตราแลกเปลี่ยน ประกอบกับข้อจำกัดด้านโลจิสติกส์ ซึ่งส่งผลให้ราคาสูงขึ้น จนทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นจนอยู่ที่เกือบ 20% ตลอดทั้งปีจนถึงเดือนก.ค.
นอกจากต้นทุนการก่อสร้างที่สูงขึ้นแล้ว เมียนมายังเกิดปัญหาขาดแคลนไฟฟ้า ขณะที่กฎระเบียบของรัฐบาลยังส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจอีกด้วย
รายงานดังกล่าวระบุว่า ครัวเรือนเกือบครึ่งหนึ่งที่ได้สำรวจเมื่อเดือนก.ค.และส.ค.ปีที่แล้ว มีรายได้ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านั้น หลาย ๆ ครอบครัวจำเป็นต้องลดการบริโภคลงเนื่องจากความไม่มั่นคงทางอาหารเลวร้ายลงอีก
ทั้งนี้ เศรษฐกิจเมียนมาหดตัวลงถึง 18% ในปี 2564 แต่ก็กลับมาเพิ่มขึ้น 3% ในปีที่แล้ว เท่ากับว่าจีดีพีต่อหัวยังคงต่ำกว่าระดับก่อนโควิด-19 ประมาณ 13%
สำหรับความเสี่ยงที่อาจเข้ามาฉุดเศรษฐกิจนั้นมีทั้งความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงก่อนการเลือกตั้งที่วางแผนไว้ ตลอดจนโอกาสที่ความเคลื่อนไหวในระดับโลกจะท้าทายมากขึ้น