กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจโลกสำหรับปี 2566 แต่เตือนว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและกรณีรัสเซียรุกรานยูเครนยังมีแนวโน้มที่จะถ่วงกิจกรรมเศรษฐกิจต่อไป
ในรายงานเศรษฐกิจฉบับล่าสุดซึ่งมีการเผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (30 ม.ค.) IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวที่ 2.9% ในปี2566 ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.2% จากที่เคยคาดการณ์เอาไว้ในเดือนต.ค. อย่างไรก็ตาม ตัวเลขคาดการณ์ล่าสุดนี้ยังคงต่ำกว่าการขยายตัวที่ระดับ 3.4% ในปี 2565
นอกจากนี้ IMF ยังปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกสำหรับปี 2567 ลง 0.1% เหลือ 3.1%
"เศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มอ่อนแอเมื่อเทียบกับในอดีต เนื่องจากการต่อสู้กับเงินเฟ้อและสงครามรัสเซีย-ยูเครนได้ถ่วงกิจกรรมเศรษฐกิจ" นายปีแอร์ โอลิเวอร์ กูรินชาส์ ผู้อำนวยการแผนกวิจัยของ IMF ระบุ
อย่างไรก็ดี IMF มีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจโลกมากกว่าเมื่อเดือนต.ค. เนื่องจากปัจจัยภายในประเทศที่ดีเกินคาดในหลายประเทศ เช่นสหรัฐ
"เศรษฐกิจมีความยืดหยุ่นเกินคาด โดยเห็นได้จากการขยายตัวของ GDP ในไตรมาส 3/2565 อันเป็นผลจากตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง การบริโภคภาคครัวเรือนและการลงทุนที่แข็งแกร่ง รวมถึงการปรับตัวเข้ากับวิกฤตพลังงานได้ดีเกินคาดในยุโรป" นายกูรินชาส์กล่าว
ยิ่งไปกว่านั้นจีนยังได้ประกาศเปิดประเทศ หลังบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์โรคโควิด-19 แบบเข้มงวดหลายปี ซึ่ง IMF คาดการณ์ว่าจะช่วยส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลก ขณะเดียวกัน ดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงยังหนุนมุมมองเชิงบวกสำหรับประเทศตลาดเกิดใหม่ที่มีหนี้สินอยู่ในรูปสกุลเงินต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ทิศทางเศรษฐกิจไม่ได้เป็นไปในเชิงบวกทั้งหมด โดยนางคริสตาลินา กอร์เกียวา กรรมการจัดการ IMF เตือนเมื่อต้นเดือนนี้ว่า เศรษฐกิจโลกไม่ได้แย่อย่างที่เคยหวั่นวิตกก็จริง แต่การแย่น้อยลงไม่ได้หมายความว่าดี เราจำเป็นต้องคอยระแวดระวัง
เมื่อแยกเป็นรายประเทศ IMF คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 1.4 ในปี 2566 ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.4% จากที่เคยคาดการณ์เอาไว้ในเดือนต.ค. และคาดว่าจะขยายตัว 1.0% ในปี 2567 ซึ่งลดลง 0.2% จากที่เคยคาดการณ์เอาไว้ในเดือนต.ค.
ขณะที่ เศรษฐกิจสหภาพยุโรป (EU) มีแนวโน้มขยายตัว 0.7% ในปี 2566 ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงไปจากที่เคยคาดการณ์เอาไว้ในเดือนต.ค. ก่อนที่จะขยายตัว 1.8% ในปี 2567 ซึ่งลดลง 0.3% จากที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนต.ค.
ส่วนเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มขยายตัว 5.2% ในปี 2566 ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.8% จากที่เคยคาดการณ์เอาไว้ในเดือนต.ค. และขยายตัว 4.5% ในปี 2567 ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงไปจากที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนต.ค.
ด้านเศรษฐกิจของ 5 ประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งประกอบด้วยอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย มีแนวโน้มขยายตัว 4.3% ในปี 2566 ซึ่งลดลง 0.2% จากที่เคยคาดการณ์เอาไว้ในเดือนต.ค. ก่อนที่จะขยายตัว 4.7% ในปี 2567 ซึ่งลดลง 0.2% จากที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนต.ค.
ในด้านของเงินเฟ้อนั้น IMF ระบุว่า ประมาณ 84% ของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกจะเผชิญตัวเลขเงินเฟ้อที่ลดลงในปี 2566 เมื่อเทียบกับปี 2565 แต่ยังคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อรายปีเฉลี่ยจะอยู่ที่ 6.6% ในปี 2566 และ 4.3% ในปี 2567