ศูนย์การพัฒนาและการเงินเพื่อความยั่งยืน ของมหาวิทยาลัยฟู่ตั้นเปิดเผยรายงานระบุว่า จีนได้ลงทุนในประเทศต่าง ๆ ตามแนวเส้นทางสายไหมใหม่ หรือ โครงการ "หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง" (BRI) เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2562 โดยส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากโรงงานผลิตแบตเตอรี่แห่งใหม่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า
รายงานระบุว่า การลงทุนใน 147 ประเทศในแถบ BRI เพิ่มสูงขึ้น 63% แตะที่ 3.25 หมื่นล้านดอลลาร์จากปีก่อนหน้า โดยมีบริษัทคอนเทมโพรารี แอมเพอเร็กซ์ เทคโนโลยี กับเมอร์เซเดส-เบนซ์ กรุ๊ป เอจี วางแผนจะลงทุนกว่า 7 พันล้านดอลลาร์กับโรงงานในประเทศฮังการี ซึ่งนับเป็นโครงการเดี่ยวที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาประเทศตามแนว BRI ตั้งแต่เริ่มต้นในปี 2556
นอกจากด้านเทคโนโลยีแล้ว จีนก็ได้ลงทุนในด้านพลังงานรองลงมา โดยลงทุนในโครงการต่าง ๆ ด้านพลังงานไป 9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนเกี่ยวกับน้ำมัน ก๊าซ และพลังงานสะอาด
นายคริสตอฟ เนโดพิล กรรมการผู้ก่อตั้งศูนย์การพัฒนาและการเงินเพื่อความยั่งยืนระบุว่า บริษัทต่าง ๆ ของจีนยังได้ลงนามในข้อตกลงการก่อสร้างกว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับภาคพลังงาน และอีก 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง เช่น ท่าเรือ ถนน และทางรถไฟ อีกด้วย
รายงานระบุว่า ในบรรดาประเทศตามแนว BRI นั้น ประเทศฮังการีได้รับการลงทุนจากจีนมากที่สุด ตามมาด้วยซาอุดีอาระเบียกับสิงคโปร์ ส่วนรัสซีย, แองโกลา, ศรีลังกา, เนปาล และเปรู ยังไม่มีการลงนามทำข้อตกลงการลงทุนหรือการก่อสร้างใหม่ ในขณะเดียวกัน การลงทุนในปากีสถานก็ลดลง 34% และประเทศในแอฟริกาทางตอนใต้ของทะเลทรายซาฮาราก็ลดลงในระดับเลขสองหลักเช่นกัน