ค่าจ้างของคนงานญี่ปุ่นในเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2540 ส่งผลให้ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจจะพิจารณาปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน หลังจากที่นายอารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการ BOJ ลงจากตำแหน่งในเดือนเม.ย.
กระทรวงแรงงานญี่ปุ่นรายงานในวันนี้ว่า ค่าจ้างที่เป็นเงินสดสำหรับคนงานญี่ปุ่นพุ่งขึ้น 4.8% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่การเพิ่มขึ้นอย่างมากของการจ่ายเงินโบนัสฤดูหนาวทำให้ผลตอบแทนแรงงานสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ว่าอาจเพิ่มขึ้น 2.5%
-- วิกฤตการณ์ของบริษัทอดานี กรุ๊ปรุนแรงขึ้นในวันจันทร์ (6 ก.พ.) เนื่องจากสมาชิกพรรคฝ่ายค้านของอินเดียหลายร้อยคนได้ออกมาประท้วงบนถนนสายต่าง ๆ เพื่อกดดันให้มีการตรวจสอบข้อกล่าวหาของบริษัทฮินเดนเบิร์ก รีเสิร์ชที่ว่า บริษัทอดานี กรุ๊ปทำการปั่นหุ้นและตกแต่งบัญชี ซึ่งได้สร้างความปั่นป่วนในตลาดหุ้น
ราคาหุ้นของบริษัทต่าง ๆ ของนายโกตัม อดานี เศรษฐีชาวอินเดียร่วงลงนับตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา หลังการเปิดเผยรายงานของฮินดินเบิร์ก โดยมูลค่าตลาดของหุ้นกลุ่มดังกล่าวร่วงลงทะลุ 1.10 แสนล้านดอลลาร์แล้ว ซึ่งสร้างความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบทางการเงินที่ลุกลาม
-- เจ้าหน้าที่รายหนึ่งเปิดเผยว่า ตุรกีได้ยุติการส่งน้ำมันดิบไปยังท่าส่งออกในเมืองเซย์ฮานในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเพื่อเป็นการป้องกันล่วงหน้า หลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง
ทั้งนี้ โบตัส (Botas) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการท่อส่งน้ำมันของตุรกีได้ตัดสินใจระงับการส่งน้ำมันดังกล่าวเมื่อเช้าวันจันทร์ (6 ก.พ.) หลังเกิดแผ่นดินไหว 2 ครั้งในภาคตะวันออกของตุรกี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และสร้างความเสียหายอย่างหนักต่ออาคารบ้านเรือนและสาธารณูปโภคต่าง ๆ
-- จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงในตุรกียังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3,760 ราย โดยเป็นผู้เสียชีวิตในตุรกีจำนวน 2,316 ราย และในซีเรียจำนวน 1,444 ราย
ทั้งนี้ ตุรกีเผชิญเหตุแผ่นดินไหวอย่างต่อเนื่องเมื่อวันจันทร์ (6 ก.พ.) โดยเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 7.8 แมกนิจูดในเวลา 04.17 น.ตามเวลาท้องถิ่น ก่อนที่จะเกิดแผ่นดินไหวอีก 2 ครั้งขนาด 7.6 แมกนิจูด และ 7.5 แมกนิจูดในเวลาต่อมา ซึ่งสร้างความเสียหายต่อ 10 จังหวัดทางใต้และตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ รวมทั้งพื้นที่ฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรียซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้าน
-- ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ เตรียมแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้ ตามคำเชิญของนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ
ทั้งนี้ ปธน.ไบเดนจะกล่าวสุนทรพจน์ในวันอังคารนี้ (7 ก.พ.) เวลา 21.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับเช้าวันพุธ (8 ก.พ.) เวลา 09.00 น.ตามเวลาไทย โดยเป็นการแถลงนโยบายประจำปีเป็นครั้งที่ 2 ของปธน.ไบเดน หลังจากที่เขาได้แถลงนโยบายประจำปีในปีที่แล้วในเดือนมี.ค. 2565 ซึ่งถือว่าล่าช้ากว่าประธานาธิบดีสหรัฐคนอื่น ๆ ซึ่งมักทำการแถลงในเดือนม.ค.หรือก.พ.
-- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดีดตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ณ เวลา 23.33 น.ตามเวลาไทยในวันจันทร์ (6 ก.พ.) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 3.617% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี อยู่ที่ระดับ 3.655%
ทั้งนี้ นายพาวเวลมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในงานเสวนาซึ่งจัดโดยสมาคมเศรษฐกิจแห่งวอชิงตัน (Economic Club of Washington) ในวันอังคารนี้ (7 ก.พ.)
-- กระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงในวันจันทร์ (6 ก.พ.) ว่า สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา จะเดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการในวันที่ 9-11 ก.พ. ตามคำเชิญของนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน
ทั้งนี้ สมเด็จฮุนเซนนับเป็นผู้นำต่างชาติรายแรกที่เดินทางเยือนจีนหลังเทศกาลตรุษจีน
การเดินทางดังกล่าวมีขึ้นเพื่อกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคี เนื่องในวาระครบรอบ 65 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและกัมพูชาในปีนี้
-- ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่เปิดเผยในวันนี้ ญี่ปุ่นเปิดเผยข้อมูลการใช้จ่ายภาคครัวเรือนเดือนก.พ., ออสเตรเลียเปิดเผยยอดส่งออก,นำเข้า และดุลการค้าเดือนธ.ค., ธนาคารกลางออสเตรเลียประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย, เยอรมนีเปิดเผยข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค., อังกฤษเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือนม.ค.โดยฮาลิแฟกซ์, ฝรั่งเศสเปิดเผยยอดส่งออก,นำเข้า และดุลการค้าเดือนธ.ค. และสหรัฐเปิดเผยยอดส่งออก,นำเข้า และดุลการค้าเดือนธ.ค.