ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ แถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ต่อสภาคองเกรสในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย โดยสื่อต่างประเทศแทบทุกสำนักซึ่งรวมถึงซีเอ็นเอ็น, ซีเอ็นบีซี และบลูมเบิร์ก ต่างก็ถ่ายทอดสดการแถลงนโยบายประจำปีในครั้งนี้
ไบเดนเปิดฉากด้วยการหันไปแสดงความยินดีกับนายเควิน แมคคาร์ธี สมาชิกพรรครีพับลิกันซึ่งเข้ารับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรคนใหม่ของสหรัฐ และนั่งอยู่ด้านข้างนางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดี ที่บริเวณด้านหลังของโพเดียม โดยไบเดนกล่าวว่า "ท่านประธานสภาผู้แทนฯ ผมรอคอยที่จะร่วมงานกับท่าน"
- คณะบริหารของทำเนียบขาวสามารถสร้างงานได้มากถึง 12 ล้านตำแหน่ง
ไบเดนประเดิมการแถลงนโยบายประจำปีด้วยการกล่าวว่า คณะบริหารของเขาสามารถสร้างงานใหม่ในสหรัฐได้จำนวนมากถึง 12 ล้านตำแหน่งภายในระยะเวลาเพียง 2 ปี ซึ่งมากกว่าที่ประธานาธิบดีคนใด ๆ ในสหรัฐเคยสร้างได้ใน 4 ปี
- ไบเดนลั่น วัสดุก่อสร้างทุกชนิดที่ใช้ในโครงการของรัฐต้องผลิตในอเมริกา
ไบเดนประกาศมาตรฐานใหม่ ด้วยการกำหนดว่าวัสดุก่อสร้างทุกชนิดที่ใช้ในโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาลนั้น จะต้องเป็นวัสดุที่ผลิตในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
"ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น ไม้ กระจก ผนังสำเร็จรูป ไฟเบอร์ออปติกเคเบิล หรือวัสดุที่ใช้ทำนาฬิกา ถนน สะพาน และทางหลวงของอเมริกัน จะต้องเป็นวัสดุที่ผลิตในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น" ไบเดนกล่าว
จากนั้นไบเดนหันไปมองกล้องโทรทัศน์เพื่อสื่อสารถึงชาวอเมริกันทั่วประเทศว่า "แผนเศรษฐกิจของผม คือการลงทุนในสถานที่และประชาชนที่ถูกหลงลืม ... ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยากลำบากในช่วง 4 ปีที่ผ่านมานั้น มีประชาชนจำนวนมากเกินไปที่ถูกทอดทิ้งไว้ข้างหลังและถูกปฏิบัติราวกับพวกเขาไม่มีตัวตน ซึ่งอาจจะเป็นพวกคุณที่กำลังชมการถ่ายทอดสดอยู่ที่บ้านในเวลานี้"
"คุณจำช่วงเวลาที่เคยตกงานได้ดีใช่ไหม ผมเข้าใจความรู้สึกพวกคุณดี คุณสับสนและกังวลถึงอนาคตของลูก ๆ และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมผมจึงต้องสร้างระบบเศรษฐกิจที่จะไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ... งานจะกลับมา ความภาคภูมิใจจะกลับมา เพราะเราได้แผ้วถางทางทุกอย่างไว้แล้วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา"
การแถลงนโยบายประจำปีของไบเดนในครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่เขาได้แถลงนโยบายประจำปีในปีที่แล้วในเดือนมี.ค. 2565 ซึ่งถือว่าล่าช้ากว่าประธานาธิบดีสหรัฐคนอื่น ๆ ซึ่งมักทำการแถลงในเดือนม.ค.หรือก.พ.
นอกจากนี้ การกล่าวสุนทรพจน์ของไบเดนในครั้งนี้ ถือเป็นการแถลงนโยบายประจำปีเป็นครั้งแรกต่อสภาคองเกรสชุดนี้ ซึ่งพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา ขณะที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ